วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ตารอดปอดแฉ่งตอนจบ



ความเดิม.....ของตารอดยอดสับปะเหร่อของเราชอบรับประทานเครื่องในศพแบบเจ้าภาพเผลอไม่ได้ นี่ก็เป็นที่มาของท่อนแรกที่ว่า  ตารอดปอดแฉ่ง ส่วนท่อนที่สองคือ ผัวนางแมงดา นั้น  ท่านก็ได้ขยายความเป็นมาไว้อย่างละเอียดว่าทำอย่างไรตารอดจึงเอานางแมงดาสาวใหญ่มาทำเป็นเมียได้  ผมขอข้ามไปไปเอาท่อนที่สามและสีมาให้อ่านกันเลย


                                           หกล้มหกลุก   ผัวนางตุ๊กกะตา

นอก.....จากนางแมงดา  ท่านจินตกวีบอกเราว่าตารอดที่มีภริยาอีกคนหนึ่งชื่อตุ๊กกะตา ในเวลาที่ท่านจินตกวีประพันธ์ประวัติตารอดแม่ตุ๊กกะตาภริยาน้อยคนนี้ยังสาวพริ้งชื่อตุ๊กกะตา เมื่อเด็ก ๆ หน้าตาเอ็นดูเวลานั่งพับเพียบท้าวแขนแล้วแลดูงามเหมือนตุ๊กกะตาชาววังบิดามารดาจึงให้ชื่อว่า ตุ๊กกะตา  บ้านนางตุ๊กกะตานั้นอยู่ใกล้ป่าช้าตารอด  บิดามารดาอายุสั้น 
พอแม่ตุ๊กกะตารุ่นสาวบิดาก็ตาย  และต่อมาอีกไม่ถึงปีมารดาก็ตายตามบิดาไป  แม่ตุ๊กกะตาต้องเป็นกำพร้าว้าเหว่อยู่ในโลกแต่ลำพัง  เคราะห์ดีที่ได้วิชาจากมารดาคือวิชาทำขนมจีนน้ำยาขาย  จึงสามารถเลี้ยงตัวเองได้ทั้ง ๆ ที่ในเวลานั้น  หลอนยังอยู่ในวัยที่เยาว์  ศพบิดามารดาของแม่ตุ๊กกะตานั้นถูกเผาที่ป่าช้าตารอดทั้งสองศพ  และตารอดก็รับปรทานเครื่องในศพนั้นเสียทั้งสองศพ  ความข้อนี้แม่ตุ๊กกะตาจะทราบหรือเปล่าไม่ปรากฏ


เมื่อ..มารดาแม่ตุ๊กกะตายังมีชีวิตอยู่  ตารอดเคยซื้อขนมจีนน้ำยารับประทานเนือง ๆ และมาสมัยที่ลูกสาวรับอาชีพนั้นมาทำต่อจากมารดา  ตารอดก็ยังคงเป็นเจ้าจำนำ  แต่ขนมจีนน้ำยาของแม่ตุ๊กกะตานั้นขายไม่ดีเลย  เหลือเท่ทิ้งวันละมากๆ ทุกวันและตารอดก็ติเล็กติน้อย
ทุกคราวที่ซื้อขนมจีนน้ำยาแม่ตุ๊กกะตารับประทาน  คือติว่ารสน้ำยาไม่อร่อย  แต่แม่ตุ๊กกะตาก็พยายามพลิกแพลงแต่งปรุงที่จะให้รสดีขึ้น  เช่นบางวันใส่ปลาร้ามากกว่าธรรมดา  บางวันก็ลดส่วนหัวหอมลงเป็นต้นแต่ก็ขายไมดีอยู่นั่นเอง  และตารอดก็คงติอยู่นั่เอง  แม่ตุ๊กกะตาสิ้นปัญญาที่จะแก้ไข  วันหนึ่งจึงถามตารอดว่า  ที่รสน้ำยาไม่ดีนั้น  ไม่ดีอย่างไร  ตารอดเห็นว่ามันแก่หรือมันอ่อนเครื่องอะไร  ตารอดแนะว่า  ถ้าจะให้น้ำยาอร่อยแล้ว  ควรใช้เนื้อคนซึ่งเป็นสิ่งที่ตารอดพอที่จะช่วยเหลือให้แม่ตุ๊กกะตาได้  แม่ตุ๊กกะตาเมื่อได้ยินคำแนะนำอันนี้  ในชั้นแรกคิดว่าตารอดพูดเล่นก็หัวเราะเสีย  แต่ตารอดพูดอย่างหน้าตาขึง  และชี้แจงว่า  ถ้าใช้เนื้อคนแล้วเป็นอันตัดเครื่องน้ำยาได้ ถึงสามอย่าง  คือปลาร้า  ปลาเค็ม  และนำ้ปลาช่อน  เป็นการทุนค่าโสหุ้ยไม่ต้องลงทุนมากและขนมจีนน้ำยาของแม่ตุ๊กกะตาก็จะขายดี  แม่ตุ๊กกะตาอิดเอื้อนไม่ย่อมทำตามคำแนะนำ  แต่ตารอดอ้อนวอนขอให้ลองสักวันหนึ่งถ้าเห็นว่าไม่ดีจริงอย่างคำตารอดก็อย่าทำต่อไปก็แล้วกัน  ในที่สุดแม่ตุ๊กกะตาก็ยอม  ค่ำลงตารอดก็นำเนื้อคนที่ตายมาได้สามวันไปให้แม่ตุ๊กกะตา  หล่อนเอาเนื้อนั้นใส่ครกโขรกแทนเนื้อปลา


ตาม...ธรรมดานั้น   แม่ตุ๊กกะตาเคยชิมน้ำยาของตนแล้วจึงจะนำออกขาย  แต่น้ำยาหม้อนั้นแม่ตุ๊กกะตาไม่กล้าชิม  หล่อนนำออกขายอย่างเสี่ยงบุญเสี่ยงกรรม  ทำไปอย่างเสียอ้อนวอนของตารอดไม่ได้  นึกว่าจะลองดูสักวันเดียว  แต่ขนมจีนของแม่ตุ๊กกะตาขายดีเกินคาด  หมดหาบเสียตั้งแต่ก่อนพระตีกลองเพลใครซื้อกินคนนั้นชมเปาะว่าอร่อยนัก  ผู้ที่เคยซื้อขนมจีนเพียงสามหัว  วันนั้นซื้อเพิ่มเป็นหกหัว  ขนมจีนน้ำยาเนื้อผีของแม่ตุ๊กกะตาวันนั้น  ถ้าสังเกตกิริยาของผู้ที่ซื้อในขณะรับประทาน  จะเห็นได้ชัดว่า  ถึงใครจะนำหนวดเต่าเขากระต่าย  มาแลกกับขนมจีนน้ำยาชามนั้น  เขาก็คงไม่ยอมแลก


ตอน...เย็นตารอดออกจากป่าช้า  เลยเดินแวะไปถามถึงผลของการทดลอง  แม่ตุ๊กกะตาต้องยอมรับสารภาพว่าขนมจีนน้ำยาอย่างใหม่นั้น  ขายดีจริง ๆ และขอบใจตารอด

 "เห็นไหมล่ะ" ตารอดกล่าว 

"แต่แม่ตุ๊กกะตาจะำวันเดียวน่ะไม่ได้ละ  ขืนกลับไปใช้ปลาช่อนปลาร้าอีกก็ขายไม่ดีอีก"  

"แต่ฉันเกลียดเนื้อผีเต็มที"  แม่ตุ๊กกะตาตอบ

"ทำไม ปลาช่อนน่ะ ไม่ใช่ผีหรอกหรือ? แม่ตุ๊กกะตาเอาปลาเป็น ๆ ใส่ลงไปในครกหรือ? เมื่อไม่เกลียดเนื้อปลาตายทำไมจะมาเกลียดเนื้อคนตายไหน ๆ มันก็เนื้อสัตว์  ใช้เนื้อสัตว์ประเสริฐจะมิืดีกว่าสัตว์เดรัจฉานหรือ?"

"ก็ถ้าคนซื้อกินเขารู้เข้า  จะมิเกิดความใหญ่หรือ?"

"ก็เรื่องอะไร  แม่ตุ๊กกะตาถึงจะไปบอกเขาเล่า  เรารู้กันแต่เพียงสองคนเท่านั้น  และฉันสาบานให้ว่า  ฉันจะไม่บอกใคร"

"แล้วก็ ฉันจะไปเอาเนื้อผีที่ไหนมาทำน้ำยาทุกวัน ๆ "

"ข้อนั้นไม่ต้องวตก  ไว้เป็นพนักงานฉันเอง  ฉันจะหามาส่งให้ทุกวัน"

"ถ้าช่วยฉันอย่างนั้น  ฉันก็พอจะทำต่อไปได้อีก"

"เราตกลงกันอย่างนี้ไม่ดีหรือ  เราเป็นหุ้นส่วนกัน  ฉันหาเนื้อมาให้ทุกวัน...."

"เอาซิจ๊ะ  ทำอย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน  แต่เราจะแบ่งกำไรกันอย่างไร  คนละครึ่งหรือ?"

"ไอ้เงินทองน่ะ ฉันไม่สู้จะต้องการ  เดี๋ยวนี้ก็มีพอกินพอใช้อยู่  แล้วฉันต้องการยิ่งกว่านั้น"

"ต้องการอะไรจ๊ะ?"

"ต้องการความรักของแม่ ตุ๊กกะตา  และตัวแม่ตุ๊กกะตา"

"ต๊าย  พูดอะไรก็ไม่รู้ละ"  ว่าแล้วก็อมยิ้มและค้อน  "รู้ไหมว่าอายุฉันคราวลูก?"

"ยิ่งดี  ผู้ชายที่ชอบกินข้าวร้อน  มีคนไหนบ้างที่ไม่ชอบมีเมียสาว"


ดัง...นี้จึงเป็นอันว่า  ตารอดหาเนื้อคนมาส่งให้แม่ตุ๊กกะตาทุกวัน  และแม่ตุ๊กกะตาก็ส่งตัวของหล่อนให้ตารอดตามที่ตกลงกัน


เรื่อง...นี้นางแมงดาไม่พอใจอย่างยิ่ง  วันแรกที่หล่อนทราบนั้น  ตารอดต้องอดข้าวเย็นทั้งมื้อ  แต่สุนัขที่นางแมงดาเลี้ยงไว้อิ่มหนำสำราญทั่วกันทุกตัว  มันนึกว่านางแมงดานายของมันทำบุญวันเกิด  เพราะมันได้กินกับข้าวทั้งสำรับ  และข้าวงทั้งหม้อ  นอกจากอดข้าวแล้ว
ตารอดยังอดนอนด้วยอีกคืนยันรุ่ง


วัน...รุ่งขึ้น  ตารอดไปทำกิจอันเป็นอาชีพของแกที่ป่าช้า  เพื่อนสับปะเหร่อคนหนึ่ถามว่า

"พี่รอดปอดแฉ่งของฉันเป็นอะไรไป  ตาลึกตากลวง  หน้าก็บวมเขียวไปทั้งหน้า  ราวกับใครตีด้วยดุ้นแสม  นั่นแน่หัวก็แตก"

"เต็มทีโว้ย  เคราะห์ข้าร้าย"  ตารอดตอบ  

"เมื่อคืนนี้ข้ามีสตีมหน่อย ๆ  มันมืด  ฝนก็ตก  ทำให้ลืน  ข้าหกล้มพลัดตกลงมาจากเรือนลงมานอนกลิ้งไม่มีท่า  พอลุกขึ้นไม้กระดานบนนอกชานยังหลุดตกลงมาบนกบาลอีกทั้งแผ่น  ทำเอาข้าจ้ำเบ้าลงไปอีก  เต็มทีโว้ย  เคราะห์ร้ายแท้ ๆ "

เห็น...จะเป็นจากคำแก้ตัวของตารอดอันนี้เองท่านจินตกวีจึงกล่าวว่า.....!!!!!! 

                            "หกล้มหกลุก   ผัวนางตุ๊กกะตา"

จบแล้วครับจบจริง ๆ

                          _________________________

                                                                                                                        Chanpa


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น