วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แปลกแต่จริง

ครั้งหนึ่ง  ข้าพเจ้าไปเที่ยวพิษณุโลกกับเพื่อน ได้พบกับนายอำเภอคนหนึ่งที่ร้่านกาแฟในตลาด (ตอนนั้นในพิษณุโลกยังไม่มีร้านกาแฟเป็นดอกเห็ดเหมือนสมัยนี้
นะครับ) เลยนั่งคุยกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของพิษณุโลก  นายอำเภอเล่าเรื่องแปลกในท้องที่ของเขาที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงที่ไม่น่าจะมีได้ให้ฟัง  ข้าพเจ้ายังงง ๆ เหมือนกันไม่รู้จะตัดสินยังไงถูก  ถ้าเราเป็นผู้พิพากษา  ก็คงต้องพลิกตำราหลายบทหลายเล่มทีเดียว
                      
          เรื่องมีอยู่ว่า   ผัวเมียสองคู่ทำไร่ข้าวโพดอยู่ติดกัน    วันหนึ่งผัวคนแรก  เดินตามหาเมียซึ่งหายไปไม่รู้ตั้งชั่วโมงแล้ว     เดินไปถึงไร่ข้าวโพดที่ติดกัน   ก้ม ๆ เงย ๆ ดูไปในไร่ของเพื่อนบ้าน   ก็เห็นเจ้าของไร่กำลังข่มขืนเมียของเขาอยู่  เขายืนดูจนการแสดงความรักเสร็จสิ้น  เมียของเขาก็เดินร้องไห้กลับมา   พบผัวตัวเองยืนอยู่ริมไร่ติดกันก็เล่าให้ฟังว่า   ถูกเรียกไปคุยแล้วได้ท่าก็ข่มขืน   สามีของเธอก็เรียกชายชู้นั้นมาสอบถามก็รับว่าจริง  เพราะเห็นกันอยู่ทนโท่จะปฏิเสธยังงัยไหว   ชายชู้รับว่าเรื่องมันเลยมาแล้วจะทำยังไงก็เอา  เขาย่อมทุกอย่างไม่เถียงไม่สู้ยังไงทั้งนั้น      สามีของเมียที่ถูกข่มขืนยืนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็ตัดสินใจพูดออกไปว่า    จะฆ่าจะแกงกันก็ไม่มีประโยชน์  เมียเสียท่าไปแล้วเอาคืนก็ไม่ได้  จึงตัดใจให้เรียกเมียของชายชู้มาให้เขาข่มขืนตรงที่ ๆ ชายชู้ข่มขืนเมียของเขาแล้วเป็นอันเลิกแล้วต่อกัน  มิฉะนั้นก็ต้องตายไปข้างหนึ่ง    ชายชู้นิ่งคิดอยู่ครูหนึ่ง   นึกถึงบาปบุญคุณโทษแล้วก็ตอบตกลงเพื่อให้เรื่องเสร็จไปด้วยดี    แล้วก็ไปตามเมียของตนให้มาช่วยผัวที่ผิดไปแล้วหน่อย   เมียก็เดินตามผัวออกมาให้เขาข่มขืนต่อหน้าผัว   การข่มขืนก็ต้องทำเป็นดิ้นรนพอสมควร  แต่ในที่สุดก็สมประสงค์   แล้วทั้งสองฝ่ายก็เลิกราต่อกัน    ต่างกลับบ้านไปทำมาหากินต่อไป


           วิธีการชำระคดีแบบโบราณก็เรียกว่าตาต่อตา   ฟันต่อฟันนี้  ไม่ใช่ของใหม่  กฏหมายเก่าก็เคยมีมาก่อน   ก็คงได้ผลดีในสมัยนั้น ๆ ทำให้คนเข็ดหลาบพอสมควร  เช่นฟันแขนเขาก็ต้องให้เขาฟันตอบ  ทำให้เขาตาบอดข้างหนึ่ง     ก็ต้องยอมให้เขาทำตาเราบอดข้างเดียวกัน

           บัดนี้  ได้เกิดคดีใหม่ขึ้นอีกดังได้เล่ามาแล้ว   สามีของเมียที่ถูกข่มขืน    ขอใช้บทกฏหมายโบราณที่เรียกว่า  ตาต่อตา  ฟันต่อฟัน  คือขอข่มขืนเมียเพื่อนบ้านตอบแทนการกระทำอันชั่วร้ายของเพื่อนบ้าน    ด้วยการกระทำตอบเยียงเดียวกัน  แล้วความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองก็จะเข้าสู่ปกติสุขเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   มันก็น่าจะดีอยู่ไม่น้อยสำหรับสังคมมนุษย์ดีกว่าที่จะให้ตีรันฟันแทงกันจมล้มตายลงข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง   แล้วอะไรจะเหลืออยู่ในโลกนี้   นอกจากแม่หม้ายสองคนก้มหน้าก้มตาปลูกข้าวโพดหรือปลูกถัวปลูกงาจนแก่เฒ่าตายจากกันไป

            แต่เรื่องนี้มันไม่จบลงอย่างง่ายดายเช่นว่านั่นเพราะต่อมาอีกสองสามวัน  ชายชู้คนที่ว่านั้นไปนั่งเสียใจและเสียดายความบริสุทธิ์ของเมียซึ่งก็คงด่าสาปแช่งผัวของตัวเองไม่หยุดปาก
จนกระทั้งทนไม่ไหว    ก็ไปแจ้งความโรงพักให้ดำเนินคดี  ซึ่งตำรวจก็คงต้องตามตัวมารับข้อหาตามระเบียบ

            ชายคนที่ถูกเป็นผู้ต้องหา    เดินคิดอยู่หลายตลบว่า  มันตกลงกันแล้วทำไมถึงไปแจ้งความตำรวจอีก  มันเล่นไม่ซื่อ  และหักหลังกันยังงี้  ใช้ได้เมื่อไหร่  คิดไปคิดมาก็หวนไปแจ้งความโรงพักบ้างว่าเจ้าชายชู้เล่นเมียเขาก่อนโดยข่มขืน  ขอให้ดำเนินคดีเช่นเดียวกัน  ตำรวจ
เขาก็ทำตามระเบียบคือเรียกตัวชายชู้ไปรับแจ้งข้อหา   เรียกประกันตัวตามวิธีการสอบสวน

           เรื่องนี้ยังคาอยู่ที่โรงพัก    ยังไม่รู้ว่าสารวัตรเขาจะทำอย่างไงกับคู่กรณี   นายอำเภอก็เล่าเพียงเท่านี้แหละ และว่ากำลังฟังอยู่เหมือนกันว่าจะจบยังไง     ข้าพเจ้าคนฟังก็งงเหมือนกันว่าจะให้จบอย่างไงถ้าเรื่องถึงศาล    ศาลก็คงงงเหมือนข้าพเจ้าว่าจะตัดสินยังไง   แต่จะปฏิเสธไม่ยอมตัดสินก็คงไม่ได้  เพราะถ้าเรื่องถึงศาลแล้วจะอ้างไม่ได้ว่าตัดสินไม่ลงหรือไม่มีกฏหมาย

           เรื่องนี้   เป็นเรื่องจริง    ไม่ใช่นิยาย   เรื่องเกิดขึ้นที่พิษณุโลก  ขอสงวนชื่อโจทย์  จำเลย
และชื่อท้องที่  เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดเสียหาย   เสียชื่อเสียงกันไปหมดทั้งเจ้าหน้าที่ด้วย เรื่องมันไม่ควรจะเกิดก็มาเกิดขึ้น  เพราะความสนุกชั่วแล่นของบุคคลทั้งสองฝ่าย   เป็นเรื่องน่าคิดว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพวกเราจะทำอย่างไร   จะตัดสินใจอย่างไร  ทำยังไงถึงจะให้เสียน้อยที่สุดแก่คู่กรณี 

             ดีที่สุดที่ข้าพเจ้าคิดได้   ก็คือต้องตัดใจว่า  ที่หลังอย่าทำ
ที่หลังอย่าทำ   จำไว้นะ

                            -----------------------------------


                                                                                           chanpa

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น