วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ผู้หญิงขี้ลืม



        เรื่องขี้ลืมนั้นมันมีด้วยกันทุกคน ไม่ว่าหญิงหรือชายลืมก็ทำให้เกิดปัญหา   อาจจะใหญ่หรือเล็ก  หรือเป็นเรื่องขำขันก็แล้วแต่กรณี  เด็กลืมแปรงฟัน  ลืมทำ
การบ้าน  พอโตขึ้นก็ลืมกลับบ้าน  บางคนไม่ลืมยังหลงเสียอีก  หลงไปบ้านเล็กบ้านน้อย
แทนที่จะกลับบ้านดันไปโผล่ที่อาบอบนวดอย่างนี้ก็มีบ่อย ๆ ลืมวันเกิดแฟน  ลืมวันครบรอบ
แต่งงาน  พอนึกได้จะไปแก้ตัวดันลืมเสียอีกว่าเรื่องอะไร


            ลืมแสนจะอายขายหน้าคือลืมรูดซิบ  แล้วสาว ๆ มาสะกิดบอก  ลืมหน้าด้านก็มีบ่อย ๆ
ทักทายสาวผิดคิดว่ารู้จักเธอมาก่อน  ลืมที่น่าเห็นใจของคนจนคือ "ลืมหนี้"  ลืมของคนรวย
"ลืมรับเงินเดือน"  ลืมที่น่าสงสารคงจะไม่มีอะไรเกิน "ลืมตัว"  พออายุมากเข้าก็ลืมลูกลืม
หลาน  ลืมผัวลืมเมีย  ผลที่สุดก็ลืมเป็นครั้งสุดท้าย "ลืมตื่น"


            ฤษฎีในการแพทย์เขาก็อธิบายเหมื่อนกันว่าทำไมคนเราจึงถึงลืม ? แต่ผมเองก็ลืม
ไปเสียแล้วว่าเขาอธิบายว่าอย่างไร  พอนึกได้จะไปค้นอ่านดูก็ลืมว่าเอาเก็บไว้ที่ตรงไหน ? ก็
เลยไม่รู้ว่าอะไรทำให้ลืม  เมื่อรู้สาเหตุมันก็แก้ยากครับ  เอาเถอะ......ผมสัญญาว่าถ้าไม่ลืมจะ
เขียนมาบอกไว้ตอนท้ายก่อนจะจบเรื่องผู้หญิงขี้ลืมนะครับ


             ราวนี้ผมจะเขียนถึงเรื่องลืมที่คนทั่ว ๆ ไปไม่ใคร่ได้ฟังยิ่งแฟนคุณหรือภรรยาคุณ
และก็ยิ่งไม่อยากให้คุณรู้  ไม่ใช่ว่าผมจะเขียนค่อนแคะผู้หญิง  แต่เห็นว่ามันเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
และคนอื่น ๆ ก็ควรจะรู้บ้าง

              มจะเขียนเรื่อง "ผู้หญิงขี้ลืม" เริ่มด้วยลืมเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน  คือลืมทานยาคุมกำเนิด  ยาเม็ดเล็กนิดเดียวเท่านั้นเอง  แต่ถ้าลืมมันก็อาจเป็นเรื่องใหญ่  ถ้านานไปหลาย
เดือนเข้า  ปัญหาก็อาจจะ "หนักหลายกิโลกรัม"


              ถ้าลืม.....ก็ไม่รู้
              ต้องระวังให้ดี
              แต่ถ้ารู้ว่าลืม  จะแก้ไขอย่างไร ?
              มีข้อแนะนำง่าย ๆ ดังนี้

              ๑.   ถ้าลืมแต่ยังอยู่ในวันเดียวกันก็ให้รีบทานเสียเลย
              ๒.   ถ้าลืมทานยาเมื่อวาน  วันนี้ให้ทาน ๒ เม็ด
              ๓.   ถ้าลืมทานยาไป ๒ วันแล้ว  วันนี้ทาน ๒ เม็ด, พรุ่งนี้ทาน ๒ เม็ด แล้ววันละเม็ด
                     ไปจนหมด
              ๔.   ถ้าลืม ๓ วันหรือมากกว่า ๓ วัน  ขอแนะนำง่าย ๆ ว่าให้ทิ้งยาแผงนั้น  แล้วเริ่ม
                     ทานยาแผงใหม่


               วันหนึ่งมีหญิงสาวท่าทางดี  เหนียมอาย  มาหาที่คลีนิก

"คุณหมอคะ  หนูใส่ผ้าอนามัยซับเลือดเข้าไปในช่องคลอด ( Tampon ) เมื่อวานเย็น  ตื่นเช้า
ขึ้นมาจะเอาออกก็หายไปเสียแล้ว"  เธอบอกด้วยความมันใจและตกใจ "คุณหมอช่วยหาให้หน่อยเถอะค่ะมันจะหายเข้าไปในท้องของหนูได้ไหม ?" เธอถามพร้อมทั้งยกมือขึ้นปิดปากด้วยความละอายและมีอาการกังวล


                มื่อผมตรวจอย่างถี่ถ้วนแล้ว  ก็ต้องบอกว่า  "ไม่มีหรอกครับคุณคงเอาออกไปแล้ว
หรือไม่ก็ไม่ได้ใส่เข้าไป  และก็จะหายเข้าไปในท้องไม่ได้ด้วย"  ผมบอกเธอด้วยความมั่นใจและปลอบใจเธอ  ลืมชนิดนี้ขอให้ชื่อว่า "ลืมขี้ตู่"  บางคนก็ลืมจริง ๆ  แหละครับ  บ่อยครั้งเหลือเกินที่ผมตรวจภายในคนไข้ ( Pelvic Exam ) พบว่ามีผ้าอานามัยซับเลือด ( Tampon ) 
อยู่ในช่องคลอด  บางรายลืมไว้เป็นเดือน  เมือเอาออกมาจากช่องคลอดกลิ่น......อย่าบอกใคร
เลยครับ  ต้องกลั้นหายใจกันหน้าเขียวหน้าเหลืองลืมแบบนี้เรียกว่า "ลืมซ่อนกลิ่น"


                ท่านหญิงบางคนก็ลืม (ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ)  โยนผ้าอานามัยที่ใช้แล้วลงใน
โถส้วม  ขี้ลืมแบบนี้ทำให้เดือดร้อนกันทั้งบ้านหรือทั้งสำนักงานมามากนักแล้ว  ส้วมตันน้ำล้น
เหม็นหึ่ง  จะขอเรียกลืมชนิดนี้ว่า  "ลืมมักง่าย"  บางคนก็ลืม  ที่จริงไม่ลืมหรอก  คงจะใจลอยมากกว่า  มัวคิดถึงแฟน  คิดถึงพระเอกรูปหล่อ......แถมครวญเพลงไปด้วยก็เลยเผลอใส่ผ้า
อานามัยผิดข้างหรือกลับข้าง  นอกจากจะเสี่ยงต่อการเปิดไฟแดงแล้วกาวอันเหนียวหนับทางด้านหลังของผ้าอานามัย  ก็จะติดหนึบกับอะไรต่อมิอะไรในบริเวณนั้น...ไมอยากวาดภาพ.....
มันหวาดเสียวนะครับ  ลืมแบบนี้คงจะเรียกว่า "ลืมยุ่งเหยิง"


                ญิงสาวคนหนึ่งอายุอานามก็คงจะยี่สิบกว่า ๆ  เธอมาโรงพยาบาลที่ห้องฉุกเฉิน
ด้วยอาการปวดท้องและตกขาว  เมื่อตรวจภายในพบว่า  เธอตกขาวมาก  มีหนองกลิ่นคลุ้ง
ไปหมด  ปรากฏว่ามีอะไรอยู่ในช่องคลอดของเธอ  ผมจึงต้องใช้เครื่องมือดึงออกมา  คงจะไม่ลืมคนไข้รายนี้ไปจนตาย  เพราะสิ่งที่ผมดึงออกมานั้นเป็นถุงพลาสติก  รัดด้วยยางวงหลายตลบ  ห่อใหญ่พอควร   แม้ว่าจะเปื้อนเปรอะไปด้วยหนอง   แต่พอมองเห็นว่าภายในนั้นเป็น
สีเงินสีทอง  ผมชูห่อขึ้นให้เธอดู  ขณะที่เธอยังนอนอยู่


                "ต๊าย.......ตายแล้ว  ดิฉันลืมถึงขนาดนี้เชียวหรือ ? ดิฉันจะอธิบายให้ฟัง" เธอพูด
พร้อมกับลุกขึ้นนั่ง  แล้วก็แก้ห่อออกมาเป็น แหวน,  สายสร้อยเงิน,  สายสร้อยทอง,  มีค่ามากที่เดียว  "ของเหล่านี้"......เธอพูดเสียงสันเกือบจะเป็นร้องไห้  "ของเหล่านี้แม่ให้มาเป็นของเก่า  ดิฉันเอาใส่เข้าไปซ่อน  ไอ้ผัวขี้เหล้าติดยาของฉันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว  กลัวมันจะลักไปขาย  แล้วดิฉันก็ลืม  ลืมเสียสนิทที่เดียว   แหม ! ดิฉันอายจริง ๆ เธอกระซิบบอกผมก่อนที่จะลาจากไป  พร้อมกับห่อเงินห่อทองของเธอ  ลืมแบบนี้ เรียกว่า "ลืมสมบัติ"


                  ญิงสูงอายุมาตรวจภายใน  และตรวจมะเร็งปากมดลูก  เพราัะ ไม่ได้ตรวจมานานนมเน  ลูกหลานบังคับให้มา  เมื่อตรวจก็พบว่า  ที่ปากมดลูกมีสายพลาสติกห้อยอยู่  ดู
เหมือนสายห่วงคุมกำเนิด   เนื่องจากคนไข้มีอายุมากและหมดประจำเดือนมาหลายปีแล้วคงจะไม่ต้องใช้ห่วงคุมกำเนิดอีกต่อไป


                   "ป้ามีห่วงคุมกำเนิดอยู่รู้หรือเปล่า ? "  "ว้าย.....ตาเถรช่วย....จริง ๆ หรือคุณหมอ ?" คุณป้าร้องอย่างตกใจ


                   "หมออนามัย (Health  Department) เขาใส่ให้ตั้งแต่คลอดลูกสาวคนเล็ก  เดี๋ยว
นี้อีหนูมันเรียน ม. ๔   (High  School)  อายุก็  ๑๖ ปีแล้วค่ะ  สามีก็เสียชีวิตมาตั้ง ๑๐ ปี  
คุมกำเินิดเปล่า ๆ มาเป็นเวลา ๑๐ ปีไม่น่าลืมเลย"แล้วป้าก็บนต่อ "แหมเจ็บใจ ! "


                   "เจ็บใจอะไรป้า" ผมถามให้หายข้องใจ


                   "เจ็บใจที่ลืมน่ะหมอ"


                   "ผมดึงออกนะป้า" ผมชูห่วงที่ดึงออกมาด้วยเครื่องมือให้ป้าดูก็ห่วงคุมกำเนิด
จริง ๆ แหละครับ
                    
    
                    "ไอ้ห่วงนี่มันอยู่ในอิฉันมาตั้ง  ๑๖ ปี  เชียวหรือนี่ หายห่วงไปที" คุณป้าบ่นถอนใจขณะลงจากเตียงคนไข้  


                    ลืมอย่างนี้คงจะเรียกว่า "ลืมห่วง" ลืมที่ยาวนานเป็นประวัติการณื


ทสรุป


การใช้ห่วงคุมกำเนิด
หลักการของการใช้ห่วงคุมกำเนิดก็คือ การใส่วัสดุบางอย่างเข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อขัดขวางการเจริญของเยื่อบุโพรงมดลูก  รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมที่ขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนที่ปฏิสนธิแล้วไม้ให้เจริญต่อเป็นทารกได้  ห่วงคุมกำเนิดมีลักษณะหลายแบบ ตั้งแต่เป็นรูปตัว T (Couper -T)  รูปเส้นขดไปมา เป็นต้น
 

ข้อดีของการใส่ห่วงคุมกำเนิดก็คือ  เมื่อใส่แล้วมีอายุการใช้งานนาน 3-8 ปี  ไม่มีการลืมแบบยากินคุมกำเนิด แต่มีข้อเสียคืออาจหลุดหายไปเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ  ทำให้ประสิทธิผลในการคุมกำเนิดลดลง นอกจากนี้  การใส่ห่วงคุมกำเนิดไม่ได้เป็นหลักประกันที่แน่นอนว่าจะไม่ตั้งครรภ์ เพราะพบอยู่เสมอๆ ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นทั้งๆ ที่ห่วงคุมกำเนิดยังอยู่ในที่เดิมของมัน

อาการข้างเคียงอย่างอื่นที่เกิดขึ้นได้เช่น  ประจำเดือนมามากขึ้นปวดท้องน้อย  และอาจจะเกิดการทะลุของโพรงมดลูกได้  แต่โอกาสเกิดแค่ 1 : 1,000 และขึ้นกับประสบการณ์การใส่ของแพทย์

ข้อเสียอีกข้อหนึ่งของวิธีการคุมกำเนิดแบบนี้ก็คือจะต้องให้แพทย์เป็นผู้ใส่และถอดห่วงคุมกำเนิดให้  เนื่องจากไม่สามารถใส่เองได้การใส่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ จึงเป็นข้อยุ่งยากอีกข้อหนึ่งที่ทำให้ห่วงคุมกำเนิดไม่เป็นวิธีที่นิยมเท่าการใช้ยาคุมกำเนิดแบบกิน  นอกเหนือไปกว่านั้น ห่วงคุมกำเนิดยังอาจไปก่อให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองของโพรงมดลูกได้  ดังนั้นในทางธรรมชาติบำบัดจึงไม่สนับสนุนให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบนี้นัก


                 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น