วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เถรตรง



ใครก็ไม่รู้ ที่กล่าวคำคมว่า!! นักการเมืองจะต้องพูด!!ดำเป็นขาว พูดขาวให้้เป็นดำ!!!!
                 ถ้าลงเป็นแบบนี้      มะกอกสามตะกร้าก็ปาไม่ถูก   ตอนหาเสียงพูดว่าข้าไม่เอากะเอ็ง  เพราะเองเป็นเผด็จการ   ครั้นเลือกตั้งเสร็จ   กลับไปอี๋อ๋อออเซาะกันเสียแล้ว   ชาวบ้านก็เลยเง็ง ชักจะเหม็นเบื่อ    ไม่แต่เมืองไทยหรอกที่เป็นแบบนี้  ที่เยอรมันก็เป็นเหมือนกัน   กล่าวคือ  ผู้คนกำลังเหม็นเบื่อนักการเมืองอาชีพ    พวกนี้มีเงินถุงเงินถังอุดหนุน   ไม่รู้ได้มาแต่ไหน   แต่ละคนรวยจนพุงกาง  แต่งตัวสวยสุดหล่อ  พูดจาดี  ขยันกล่าวสุนทรพจน์  และขยันออก ที.วี. ถามอะไรตอบได้หมด  
เก่งที่ซู้ด!!!!!!

                         
ชาวบ้านเยอรมันเลยชักเซ็ง  เพราะนักการเมืองเขี้ยวลากดินเหล่านี้ทำให้ประเทศเยอรมันเต็มไปด้วยมลภาวะ  แถมยังเอาขีปนาวุธมหาภัยของอเมริกามาตั้งไว้ในเยอรมันเสียด้วย พวกหนุ่มสาวเยอรมันทนไม่ไหวจึงชุมนุมประท้วงนิวเคลียร์และขีปนาวุธกันใหญ่ เรียกชื่อกลุ่มของตนว่าพวกกรีนส์   คือพวกเขียว
                       
 เพราะพวกนี้รักต้นไม้    ใครจะตัดต้นไม้   ถางป่าเพื่อเอาที่่ไปทำสนามบินจะไม่ยอมเป็นอันขาด   นโยบายข้อแรกจึงมุ่งอนุรักษ์ธรรมชาติ   รักความเขียวของต้นไม้  นโยบายข้อต่อไำป  คือ  แอนตี้ขีปนาวุธร้ายแรงของอเมริกัน    เกี่ยวกับแรงงาน    พวกเขียวมีหลักว่าจะต้องสร้างงานให้มากขึ้น  เพื่อแก้ปัญหาคนว่างงาน

วิธีสร้างงานทำอย่างไร ? พวกนี้้บอกว่าให้ลดเวลาทำงานของกรรมกรลง   เมื่่อเป็นเช่นนี้้้ทางโรงงานก็จะต้องรับคนงานเพิ่ม

พวกเขียวเหล่านี้ ทีแรกก็ออกมาอาละวาดเยิ้ว ๆ อยู่ข้างถนน  พูดจาไม่ค่อยเข้าหูคน  เป็นพวกเถรตรง  ไม่ชอบอะไรก็ด่าแม่งเลยเพราะไม่เคยหวังตำแหน่งหรือลาภสการอันใด

ชาวบ้านเชึยร์กันใหญ่  เลยเลือกเข้าไปนั่งในสภาท้องถิ่นลองดูก่อนหกเจ็ดคน  เอาเข้าไปเป็นฝ่ายค้านปรากฏว่าได้ผล  เพราะพวกกรีนส์หรือพวกเขียวเป็นพวกเถรตรง   ชนดะไม่กลัวใครเลย  ใครจะใหญ่มาจากไหน     มีปลอกคอยังไงไม่สนใจ    ประชาชนเลยชักจะชอบ

ในการเลือกตั้งทั่วประเทศ   จึงรบเร้าให้พวกกรินส์ได้รับเลือกเข้าสู่สภาใหญ่ของประเทศถึง ๒๗ คน  ตะลึงกันไปหมดทั่วยุโรป  พวกกรีนส์นุ่งกางเกงยีนส์เข้าสภาหน้าตาเฉย  แถมใส่รองเท้ากีฬาเข้าไปด้วยทำเอา "สภาอันทรงเกียรติ" มัวหมองไปเยอะ  แต่ท่านสมาชิกผู้มีเกียรติประเภทเขี้ยวลากดินทั้งหลายก็พูดไม่ออก   เพราะพวกกรีนส์ไม่ได้ทำอะไรผิดกฏหมายหรือผิดระเบียบของสภา

พวกกรีนส์ได้ชี้ให้เห็นว่า   เกียรติของสภาไม่ได้อยู่ที่เกือกหรือเสื้อนอกตัวละพัน   เพราะพวกกรีนส์ไม่ยอมใส่เสื้อนอก  ที่ไม่ยอมใส่  ก็เพราะไม่มีนี่หว่า    พวกกรีนส์บอกกับนักข่าวว่า "เกียรติอยู่ที่อุดมคตินะผมว่า..............เกียรติมิได้อยู่ที่เกือกหรอก   เกือกคู่นี้ผมมีอยู่แล้วก็เลยใส่มา  ไม่มีเงินจะไปซื้อคู่ใหม่  ท่านรัฐมนตรีท่านใส่เกือกกันคู่ละสามพันผมว่าบ้านะ........หรือคุณว่าไง ?"

พวกนี้้เป็นพวกเถรตรง   พูดภาษาดอกไม้หวานหูไม่เป็นชอบงพูดทื่่อ ๆ    แถมยังขู่เสียด้วยว่า  "คอยดูสิ...ถ้าสภางุมงิบทำอะไรหรือมีข้อตกลงอะไรไม่ชอบมาพากล  เราจะเอามาแฉให้หมดราษฎรเขามีสิทธิที่รับทราบ"  แสดงว่าสภาเยอรมันคงจะมีอะไร "ปิดบัง"  ราษฎรไว้เยอะ  พวกสมาชิกเก่าที่เป็นนักการเมืองอาชีพคร่ำหวอดถึงกับเสนอว่า  กรรมาธิการสภาบางคณะเช่นกรรมาธิการทหารไม่ควรให้พวกกรีนส์เข้าไปวุ่นด้วย  


เมื่่อประเดิมเริ่่มแรกที่่่่ออกมาร้องปาว ๆ กันอยู่กลางถนนนั้นก็มีสมาชิกไม่กี่สิบคน   เผลอแพล็บเดียวเพิ่มขึ้นเป็นร้อย ตอนนี้ได้ยินว่าสมาชิกขึ้นไปถึงสามหมื่นแล้ว   อายุเฉลี่ยของสมาชิกอยู่ในระหว่าง ๒๕-๓๕ ปีบางคนอายุตั้ง ๗๐ ปีแล้วยังกะเย้อกะแหย่งมาขอเป็นสมาชิกด้วย  อ้างว่า "เด็กพวกนี้มันเจี๊ยวสนุกดีว่ะ" ได้ยินว่าร้อยละ  ๓๐ ของสมาชิกเป็นผู้หญิง   และหัวหน้าใหญ่คนหนึ่งที่ได้รับเลือกตั้งเข้าไปนั้งในสภาแห่งชาติที่กรุงบอนน์นั้นก็เป็นผู้หญิง      เธอชื่อเภตรา  เค็ลลี่  เธอบอกว่า  "เรามิได้ต่อต้านอเมริกาแต่เราต่อตานสงคราม........อย่ามาหาว่าเราเป็นซ้าย   ไม่ใช่ขวา......เราเป็นพวกเดินหน้า"


พวกนี้้คงจะดูหนังเรื่่อง  "คานธี"   กันคนละหลายรอบเพราะย้ำหนักหนาว่า  "ยุทธวิธีของเราคือไม่ใช้ความรุนแรงในการต่อสู้ทั้งปวง  เราอาจถ่มน้ำลายรดตำรวจที่มาผลักอกเรา แต่เราจะไม่ยิงเขาหรือแทงเขาเป็นอันขาด......เรายอมติดคุกเพื่ออุดมคติของเรา  ถ้าหากมันจำเป็น   และเราวิ่งหนีไม่ทัน  พวกกรีนส์ส่วนใหญ่ที่ได้รับเลือกเป็น ส.ส.   นั้นมีการศึกษาดี  บางคนเป็นครู   เป็นนักหนังสือพิมพ์  คนหนึ่งเป็นนายพลในกองทัพบก    อีกสองคนเป็นอาจารย์มหาลัย   มีอยู่คนเดียวเท่านั้นที่เป็นกรรมกร........ขายแรงงานจริง ๆ เลย  เขาบอกด้วยความภูมิใจว่า "ผมเป็นช่างก่ออิฐแต่ผมสนใจปัญหาสังคมนะ"

ช่างกออิฐคนนี้  พอเข้าประชุมสภาได้สองนัดก็ออกมาแสดงความรู้สึกว่า " ผมคิดว่าพวกเราคงทำอะไรไม่ได้ในสภาเพราะต้องประธานชี้    จึงพูดได้......เราจะต่อต้านนิวเคลียร์ต่อไป  แต่ผมรู้สึกว่าเราจะต้องออกมาตั้งวงตะโกนกันนอกสภาอย่างเก่า "   

ธรรมดาของสภาเปิดมักมีเหตุการณ์แปลก ๆ  ในเมืองไทยเมื่่อเปิดสภาเปิดคราวหลังสุดนี้ก็มีเสียงกะโกนบอกว่า  รัฐมนตรีท่านหนึ่งตั้งคนล้มละลายไปเป็นเลขา ฯ (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้้้้้นมาเกือบ ๓๐ ปีแล้วนะครับ)  ท่านรัฐมนตรีท่านก็ดีท่านบอกว่า  "งั้นเรอะ....ผมก็เปลี่ยนใหม่ได้.........ผมจะไปรู้เรอะ ไม่มีใครแขวนป้ายไว้นี่ว่า เขาเป็นคนล้มละลาย"

ที่เยอรมันก็มีเรื่องคล้าย ๆ กัน     คือพวกกรีนส์ได้เข้าสภา ๒๗ คน   ก็มีพวกที่ไม่ชอบหน้าไปคุ้ยประวัติมาแฉโพยว่าสมาชิกกรีนส์คนหนึ่งชื่อ  เวอร์เนอร์     โวเกิล  อายุ  ๗๕ ปีนั้นในอดีตเคยเป็นสมาชิกพรรคนาซี    อีตาคนนี้แกก็ย่อมลาออกทันทีแกบอกว่า
"ถ้าผมอยู่ในวันเปิดสภา   ผมก็จะต้องทำหน้าที่เป็นประธานสภาชั่วคราวก่อนจะเริ่มเลือกประธานตัวจริง   เพราะผมเป็นคนมีอาวุโสที่สุดในสภา   ผมลาออกให้เห็นเป็นตัวอย่าง  เผื่อบางทีจะทำให้พวกอดีตนาซีที่ยังหน้าด่านรับราชการอยู่จะได้รู้สึกละอายแก่ใจบ้าง"


ฝ่าย ส.ส. หญิง  เภตรา  เค็ลลี่  หัวหน้าของพวกกรีนส์พอเข้าสภา   ก็เจอปัญหาเหมือนกัน   คือห้องน้ำสภา "หญิง"  ปรากฏคนแน่นเหลือเกิน   แต่ละคนใช้เวลาในนั้นกันนาน ๆ เพราะบรรจงแต่งแต้มตรงโน้นตรงนี้   มองแล้วมองอีกกว่าจะเสร็จ   คุณเภตราแกรำคาญเต็มแก  ต้องตะโกนว่า "ขอไปเอาสบู่ล้างมือหน่อย!"  พวกที่กำลังกะตุ้งกะติ้งแต่งหน้าแต่คิ้วแต่งปากจึงย่อมแหวกทางให้  แต่ปัญหาที่หนักกว่านั้นคือ  มีชาวบ้านโทรเลขไปแสดงความยินดี  และเขียนจดหมายไปให้กำลังใจกว่า  ๒๐๐  ฉบับเธอนั่งตอบจนตีสามก็ยังไม่เสร็จ   รู้สึกว่าจะไม่ไหว   รุ่งขึ้นจึงมาบอกพรรคพวกว่า  ขออนุญาตจ้างเลขา ฯ สักคน   แทนที่พรรคพวกจะเห็นใจ  กลับพูดเยาะ ๆ ว่า

"โอ้โฮ ! เดี๋ยวนี้จะต้องมีเลขาแล้วเรอะ......งานคงท่วมไหล่เลยนิ....."  แล้วก็ไปแอบนินทากันลับหลังว่า
"พอได้เข้าสภาก็ชักเจ้ายศเจ้าอย่าง......ฮิ.......ฮิ......ทำยังเป็นเลดี้ไดขึ้้้้นมาเชียว"  พวก "ลัดดาซุบซิบ"
แอบไปได้ยินก็เอามาตั้้้งฉายาว่าเธอคือ......เลดีไดแห่งพรรคเขียว
 ทำท่าจะเสียคนเอา !!!!!!!!!!   การเล่นการเมืองก็เป็นอย่างนี้เถรตรงนักก็ถูกเขาตุ๋น      กลมกลิ้งนักก็กลายเป็นพ่อปลาไหล.........ไม่พูดอะไรเสียเลยดีกว่า    ก็ยังจะว่าเป็น   "พระเตมีย์ใบ้" อีกแน่ะ !!!!!!


Chanpa

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น