วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เรื่องของหมากับคน บทอวสาน

                                                            หมากับคนบทอวสาน

              ครั้งก่อนผมพูดถึงความซื่อสัตย์หมาของ ซาบินุส แ่ต่วันนี้ผมจะพูดถึงหมาที่ผมพอใจในความเก่งกล้าของมันคือ  เจ้าเปริตาส  หมาของพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราช คือในตอนที่พระองค์กำลังเตรียมยกทัพบุกไปให้ถึงอินเดียนั้น   ทรงมีพระราชดำริใคร่จะมี หมามาสตีฟ ของกษัตริย์อัลบาเนียไว้  หมาพันธุ์นี้เมื่อโตเต็มที่จะสูงถึงสองฟุตครึ่งและหนักราวสองร้อยปอนด์   เมื่อกษัตริย์อัลบาเนียส่งหมามาสตีฟขนาดใหญ่มาถวายแล้ว    พระเจ้าอเลกซานเดอร์ทรงใคร่ทดลองให้แน่พระทัย   ก็ตรัสสั่งให้นำมันไปเข้าสังเวียนและปล่อยหมีลงไป    เจ้าหมาคงนอนดูเฉย    จึงตรัสสั่งให้ปล่อยหมูป่าแสนดุลงไปอีกตัวหนึ่ง   หมามันก็ไม่ปราดถนาจะทำอะไร  ในที่่สุดจึงปล่อยกวางฟาลโลว์ซึ่งเป็นกวางแคระมีนิสัยสู้อย่างไม่คิดชีวิต  ลงไปในสังเวียนอีก    แต่เจ้าหมามาสตีฟคงนอนดูกวางตาปริบ ๆ พอกวางเดินเข้ามาใกล้มันก็ยกขาให้พ้นเสียหน่อยหนึ่งเพราะกลัวกวางจะเหยีบขามัน     พระเจ้าอเลกซานเดอร์ทรงกริ้วมากจึงตรัสสั่งให้ทหารใช้หอกฆ่ามันเสีย   แล้วตรัสสั่งให้กษัตริย์อัลบาเนียจัดหมามาสตีฟที่ดีกว่าตัวนี้มาถวายโดยด่วน

            กษัตริย์อัลบาเนียจึงจัดส่งหมามาสตีฟครอกกันอีกตัวหนึ่งชื่อ  "เปริตาส"  มาถวายพร้อมกับมีพระราชสาส์นกำกับมาว่า  ขออย่าได้ทรงนำหมาที่ถวายไปทดพลองแบบตลก ๆ อย่างนั้นอีก   ที่จริงหมาตัวแรกที่ส่งมาถวายนั้นคัดเลือกอย่างดีที่สุดแล้ว     แต่หมี  หมูป่า  และกวางแคระนั้นไม่มีความหมายในสายตาของมัน   มันจึงไม่อยากจะสู้ด้วย    หมาตัวที่ส่งมาถวายนี้ถ้าพระองค์จะทรงทดลองละก้อ    ขอให้ทรงจัดสิงโตหรือช้างดุ ๆ สู้กับมันเถิด   และขณะนี้มีหมามาสตีฟอย่างนี้อยู่เพียงสองตัว    คือตัวที่ส่งมาถวายกับแม่ของมันเท่านั้น

             พระเจ้าอเลกซานเดอร์จึงทรงปล่อยเจ้าเปริตาสลงไปในสังเวียนกับสิงโตดุตัวหนึ่่ง  แต่สู้กันเพียงครู่เดียว   สิงโตก็ถูกหมายักษ์ตัวนั้นก็เหวี่ยงไปหมอบอยู่ข้างสังเวียนและตายสนิท  จึงตรัสสั่งให้เอาช้างพลายดุ ๆ ลงไปลองกำลังอีก   เมื่เจ้าเปริตาสเห็นช้าง   มันชันขนคอและขนบนสัุนหลังให้พองขึ้นคล้ายแมว    และส่งเสียงคำรามขู่อย่างน่ากลัว   พอมันเห็นช้างกระพริบตานิดเดียวเท่านั้น  มันก็พุ่งตัวกระโดดขึ้นกัดสีข้างช้างด้านหนึ่งทันที    และก็วิ่งไปกระโจนกัดสีข้างอีกด้านหนึ่งในแบบเดียวกัน  การต่อสู้ของมันว่องไวจนตามดูแทบไม่ทัน    จากนั้นมันก็พุ่งเข้ากัดตรงโน้นตรงนี้จนรอบตัวช้าง  ช้างมีนัยน์ตาเล็กมองอะไรไม่ใคร่จะเห็น    ลำตัวก็ใหญ่หลบหลีกไม่ทัน   จึงเป็นเป้าให้หมาเล่นงานข้างเดียว  ในที่สุดช้างก็มีแผลเต็มตัว และเลือดไหลโทรมไปทั่ว    เมื่อเลือดออกมาก ๆ ประกอบกับเวียนหัวในการวิ่งวนของหมา     ช้างก็ยืนงงและชั่วครู่ต่อมาก็โงนเงนล้มตึงลงบนดิน   แล้วหมอบนิ่งอยู่ตรงนั้นเอง

           หลายปีต่อมา  เจ้าเปริตาสตาย   พระเจ้าอเลกซายเดอร์ตรัสสั่งให้ผ่าศพออกตรวจดูภายใน   ว่ามีสิ่งใดแปลกกว่าหมาอื่น ๆ บ้าง มันจึงฉลาด  กล้า  และมีพละกำลังอย่างนั้น   ยูสตาซิอุส ผู้ผ่าพิสูจน์ได้บันทึกผลไว้ว่า  "...หมาตัวนี้หัวใจของมันหุ้มไว้ด้วยขน...." พระเจ้าอเลกซานเดอร์ถึงกับทรงสร้างนครไซโนโปลิส (CYNOPOLIS) ไว้่เป็นอนุสรณ์แก่หมาตัวนี้ทีเดียว....

           เมื่อคนเราได้เลี้ยงหมามาเป็นเวลาช้านาน   ก็มีผู้สังเกตว่า   เราอาจจะอ่านนิสัยของคนได้จากหมาที่เขาเลี้ยง   ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้

           ๑.  ชอบเลี้ยงหมาตัวใหญ่นิสัยดุ   จะเป็นคนที่มีเสน่ห์และอันตราย   มีแนวโน้มไปในทางชอบความรุนแรง   บางคนอาจเลยไปถึงขนาดมีความสุขที่ได้เห็นความเจ็บปวดของผู้อื่น  แต่บางครั้ิงตัวเองก็ชอบที่จะได้รับความเจ็บปวดเช่นกัน    ความปราถนาอันเร้นลับของผู้ที่ชอบเลี้ยงหมาประเภทนี้จะดุร้ายและมีอันตรายเช่นเดียวกับหมาของเขา

           ๒.  ชอบเลี้ยงหมาตัวใหญ่นิสัยสุภาพ  เป็นหมาเชื่องสามารถฝึกให้ดูแลฝูงสัตว์   ช่วยเหลือคนในกิจการต่าง ๆ ได้ง่าย  จะแสดงถึงความเป็นคนรักบ้าน     รักความสุภาพและมีเสน่ห์แบบนุ่มนวนเป็นเห็นคุณค่าของความสงบสุขและความเงียบ      การกระทำที่เกินขนาดทุกรูปแบบจะทำให้ผู้ที่ชอบเลี้ยงหมาแบบนี้หมดความรู้สึกเสียมากกว่าจะอยาดรู้อยากเห็น

           ๓.  ชอบเลี้ยงหมาขนาดเล็ก   แสดงว่าในส่วนลึกของจิตใจเล็งเห็นว่าตนเองเป็นคนบอบบาง   ละเอียดอ่อน   ต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างมาก  ไม่ความจอแจของสังคมในเมือง  ชอบทำตัวให้มีเสน่ห์ด้วยความสะอาดเอี่ยมเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงของตน

           ๔.  ชอบเลี้ยงหมาที่ใช้ในการกีฬา   เป็นหมาที่ปราดเปรียวแต่ไม่ดุร้าย   แสดงถึงความเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายโดยเฉพาะเจาะจง   มีอุดมคติ  การนอนแช่อยู่บนเตียงในตอนเช้า  ไม่ใช่นิสัยของคนแบบนี้

           ๕.  ชอบเลี้ยงหมาพันธุ์ผสม   แสดงถึงการเป็นคนชอบทำต้วธรรมดา ๆ แต่มักจะคบคนและเลือกคู่ที่มีบุคลิกลักษณะดีและมีเอกลักษณ์ของตนเองเป็นสำคัญ  ชอบความแปลกใหม่  เพราะหมาพันธุ์ผสมแต่ละตัวย่อมเป็นตัวแรกในสายเลือดใหม่ของมันเสมอ

           อย่างไรก็ดี  แม้ว่าหมาจะมีนิสัยดีมาแต่เดิม   แต่ถ้าได้รับการเลี้ยงดูและการฝึกจากนายที่โหดร้ายมานานเป็นปี ๆ   มันก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ ดังเช่นในกรณีของพระเจ้าเอ็ดเวอร์ดที่ ๓  ครั้งที่พระองค์อยู่ในวัยหนุ่มนั้น     ได้รับคำสรรเสริญจากบุคคลทั่วไปว่าทรงมีพระกิจวัตรนุ่มนวล  น่ารักเป็นที่สุด   แต่เมื่อทรงมีพระชนมายุมากขึ้น   กลับกลายเป็นทรงมีพระอารมณ์ขุ่นมัวและเกรี้ยวกราดเป็นนิจสิน   หาคนที่รักพระองค์อย่างจริงใจไม่ได้เลย   ขณะที่พระองค์กำลังบรรทมรอวาระสุดท้ายอยู่นั้น   ข้างหนึ่งของพระที่  ชู้รักของพระองค์กำลังปลุกปล้ำถอดพระธำมรงค์เพชรล้ำค่าออกจากนิ้วพระหัตถ์อย่างไม่คำนึงถึงเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น    ส่วนอีกข้างหนึ่ง  หมาเกรย์ฮาวน์ดซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระองค์   แทนที่มันจะเศร้าสร้อย   มัน  กลับทำหน้าบานเข้าไปเคล้าเคลียอยู่ที่รัชทายาทซึ่งจะขึ้นมาเป็นกษัตริย์องค์ใหม่อย่างไม่ยอมห่างเลย !

     เมื่อคนเราเอานิสัยไม่ดีบางอย่างของหมามาใช้  ก็มักจะถูกเรียกว่า "คน    หมา-หมา" แต่เจ้าหมาของพระเจ้าเอ็ดเวอร์ดที่  ๓ นี้  ถ้าไปเข้าฝูงของพวกมันคงจะถูกเรียกว่า "ไอ้หมา   คน-คน  เป็นแน่แท้ ****!!!!!!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น