วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เรื่องเบา ๆ ในอดีต



          เมื่อเอ่ยชื่อ  เฮอร์เบิร์ต ฮูเว่อร์  ประธานาธิบดีคนที่ ๑๓  ของสหรัฐแล้วเด็กรุ่นใหม่คงไม่รู้จัก แต่ผมขอบอกไว้ในที่นี้เลยว่า ลองกลับใจมารับรู้จักกับท่านสักหน่อยเป็นไร  เดี๋ยงผมจะบอกให้ทราบว่าทำไม่เด็ก ๆ รุ่นใหม่ควรจะได้รู้จักกับท่าน  ท่านเป็นประธานาธิบดีที่คนรุ่นเก่า ๆ อย่างผมรู้จักในฐานะประธานาธิบดีที่โดนแจ้กพ้อตเข้ามาอย่างจัง   เข้าบริหารประเทศในช่วงปี  ค.ศ. ๑๙๓๐  ยุค The Great Depression  ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ( ซึ่งตรงกับเมื่องไทยในสมัยราชการที่ ๗ท่านเป็นประธานาธิบดีคนแรกของทำเนียบขาว  ซึ่งได้ใช้โทรศัพท์อยู่บนโต๊ะ๊สะดวกสบายหมุนออกได้ทันใจ  คนเป็นผู้นำของประเทศนั้นจะพุ่งความสนใจไปในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่ตรงกัน  แต่เรื่องหลัก ๆของผู้นำประเทศที่ต้องแก้ คือ ต้องควบคุมสถานการณ์
ภายในประเทศและดูแลนโยบาย ต่างประเทศให้ดี  ต้องให้ทั้งสองด้านบาล้านซ์กันและ  ให้ความสนใจอย่างเท่าเทียมกันจะหนักเอนเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่งมากนักไม่ได้  นอกจากนั้นยังมีประเด่นเฉพาะที่ผู้นำแต่ละคนจะให้ความสำคัญต่าง ๆ  กันออกไป เช่น  ประธานาธิบดี
โทมัส  เจฟเฟอร์สัน  สนใจเรื่องชนชั้นเป็นพิเศษ  ลินคอล์สนใจเรื่องการเลิกทาส  นิกสันสนใจแต่เรื่องสงครามเวียดนาม    เรแกนเอาแต่เรื่องผลิตอาวุธตามโครงการสตาร์วอส์  แต่ประธานาธิบดี  เฮอร์เบิรต์  ฮูเว่อร์ ท่านกลับสนใจเรื่องเด็กเป็นพิเศษ นี่ไงครับที่เด็กรุ่นใหม่ ๆ ที่ควรจะรูจักท่าน




                           เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ (August 10, 1874 – October 20, 1964) 




                                                                          โธมัส เจฟเฟอร์สัน
                              อันดับที่ 3 ได้แก่ โธมัส เจฟเฟอร์สัน (ค.ศ.1801-1809)


          อันว่าเรื่องเด็กนั้นไม่ใช่เฉพาะแต่น้องปุ๋ย  ภรณ์ทิพย์  จะให้ความสำคัญเท่านั้น  แม้แต่องค์การยูนิเซฟของสหประชาชาติก็ยังให้ความสนใจมาก  องค์การนี้ได้ก่อตั้งขึ้นโดยสมัชชา
เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ปี ค.ศ. ๑๙๔๖ จุดประสงค์เพื่อจะช่วยประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายในการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่  ของเด็กรวมไปถึงวัยรุ่นและ จะให้ความช่วยเหลือ แก่
ประเทศต่าง ๆ ยูนิเซฟค้นพบว่า ๑ ใน ๕ ของเด็กทั่วโลกจะตายลงก่อนอายุจะถึง ๕ ขวบ นับว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอยู่มากเพราะเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าเยาวชนนั้นต่อไปในอนาคตจะต้องเป็นผู้ที่มีบทบาทและต้องมีส่วนรับภาระหน้าที่ในกิจการต่าง ๆ ของประเทศหรืออาจจะเป็นของโลกก็ว่าได้  พูดสั้น ๆ อย่างน้อยปุ๋ยบนเวทีประกวดนางสาวไทยก็คือ  " เด็กในวันนี้คืออนาคตของชาติในวันข้างหน้า " 



                                                                      
                                                       Abraham Lincoln
                                                     ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 16 
                                                        ผู้ปลดปล่อยทาส

          ท่านประธานาธิบดี   เฮอร์เบิร์ต ฮูเว่อร์  นั้นท่านชอบตอบจดหมายของเด็ก ๆ ทุกคนที่มีเข้าไปขอข่าวสาร  ข้อมูล  คำแนะนำหรือแม้กระทั้งที่เขียนเข้าไปคุยเรื่องสัพเพเหระ จดหมายทุกฉบับท่านจะให้ความสำคัญอย่างมากและใช้เวลาตอนดึก ๆ นั่งอ่านนั่งตอบท่านบอกว่าการตอบจดหมายเด็ก  เป็นการผ่อนคลายความเครียดและความทุกข์ได้เป็นอย่างดีที่สุด  ยิ่งกว่ายารักษาโรคขนานใด ๆ และเป็นการทำให้ทราบว่าอเมริกาในยุคตต่อไปนั้นจะก้าวไปทิศทางใด  ลองมาดูจดหมายบางฉบับที่อาจจะมีสาระยิ่งกว่าจดหมายของผู้ใหญ่หรือนักการเมืองบางคน ! 

          "ลองอ่านดูกันเอาเองแล้วกันครับ"

ฉบับที่ ๑


คุณลุงฮูเว่อร์ครับ.

         ผมเรียนอยู่ชั้น ๙ กำลังทำบทสัมภาษณ์อยู่  คุณครูบอกว่า จะสัมภาษณ์ใครก็ได้ ผมเลยเลือกท่านครับ  คำถามคือ

         ๑)  ในกระบวนประธานาธิบดีทั้งหมดท่านรักและชื่นชมใครมากที่สุดครับ

         ๒)  ท่านคิดว่าผู้นำโซเวียต  นิกิต้า  ครุสชอฟ  เป็นคนยังไงครับ

                                                                                                                      เดนนิส

         ๑ )  ลุงชอบท่านจอร์ช  วอชิงตัน  และท่านอับราฮัม  ลินคอล์น มากที่สุด  แต่ไม่ได้หมายความว่า  ท่านดีที่สุดนะเพราะประธานาธิบดีท่านอื่น ๆ ก็เป็นคนเดียวกันทุกคน

         ๒ )  ตามความเห็นของลุง   เขาเป็น "ติดลบ" ในทุกแง่มุมมอง !


                                         

         ประธานาธิบดีท่านแรก เป็นผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา  และเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา  ท่านประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน George Washington   วีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของอเมริกา  มีความกล้าหาญ  แข็งแกร่ง       ท่านเป็นประธานาธิบดีที่ประกาศอิสรภาพให้แก่อเมริกา  และก่อตั้งประเทศมหาอำนาจของโลกแห่งนี้
                                              ____________________

ฉบับที่ ๒


มิสเตอร์ฮูเว่อร์คะ


          ผู้หญิงมีทางจะได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐบ้างไหมคะ โปรดให้ความหวังหนูบ้าง


                                                                                                                      แค้ทซี้

          ในรอบ  ๔๗  ปี  ที่ผ่านมาประธานาธิบดีที่เป็นผู้ชายก็ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยแต่ก็มีจุดบกพร่องนิด ๆ หน่อย ๆ กันทุกคน  โอกาสของผู้หญิงในปัจจุบันเปิดกว้างมากขึ้นมากกว่าในสมัยโบราณ  แต่ในยุคนี้ประชาชนอาจจะยังไม่ย่อมรับ  ถ้าอีก  ๓๐  ปีข้างหน้าหนูคิดว่าหนูมีคุณสมบัติเหมาะสมแล้วก็เป็นเรื่องที่ควรจะลองดูอยู่ไมใช่หรือจ๊ะ?


                                                       
                                                       โรนัลด์ เรแกน (Ronald Wilson Reagan)

โรนัลด์ เรแกน (Ronald Wilson Reagan) เกิด 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1911 เสียชีวิต 5 มิถุนายน ค.ศ. 2004 ด้วย
โรคอัลไซเมอร์   เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 40 (ค.ศ. 1981-ค.ศ. 1989)   สังกัดพรรครีพับลิกัน 
นอกจากนี้เรแกนยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย คนที่ 33 (ค.ศ. 1967-ค.ศ. 1975) ก่อนหน้านั้นเขาเคย
เป็นผู้ประกาศข่าวและนักแสดงมาก่อน
                                                 _____________________

ฉบับที่ ๓


มิสเตอร์ฮุเวอร์ครับ


         คนเราชอบใช้คำว่า conservative อนุรักษ์นิยมกันเกร่อมาก  ซึ่งมีทั้งพวกอนุรักษ์จริงและแกล้งทำโก้ ๆ  เป็นพวกอนุรักษ์  (ปลอม) ขอให้ท่านอธิบายความหมายที่แท้จริงของคำ
conservative  ด้วยขอบคุณครับ  


                                                                                                                      เจอราล

          ตามความเห็นของลุงนะ มันเหมือนสายหมอกบาง ๆ  มาปกคลุมอยู่รอบ ๆ  คำ
คอนเซอเวทีฟ อยู่เนือง ๆ  คนที่คอนเซอเวอทีฟจริง ๆ นั้น  คือ  คนซึ่งปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะธำรงรักษาไว้ซึ่ง พุทธิปัญญาและประสบการณ์ที่ดีงามในอดีต  เป็นคนที่พร้อมจะประยุกต์
สิ่งดีงามอันนั้นให้เข้ากับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบันและในยุคต่อ ๆ
ไป


                                                _______________________

ฉบับที่ ๔



คุณปู่ฮูเว่อร์คะ.


          พวกเราถูกคุณครูใช้ให้ทำการบ้านเรื่อง  คริสต์มาส  ว่า  คริสต์มาสมีความหมายกับชีวิตของคนเราอย่างไรบ้าง  คุณปู่ต้องตอบด่วนนะคะ  เพราะงานอันนี้พวกหนูต้องส่งก่อน
วันปิดภาคคะ

          
                                                                                                                          เชอรี่


          สำหรับปู่นะคริสต์มาสมีความหมายต่อไปนี  เอ้า !..รีบจดกันไว้

     ๑ )  อย่างน้อย ๆ  มันหมายความว่าเราได้มีชีวิตอย่างสงบสุขรอดต่อไปอีกหนึ่งปี โดยไม่มีสงครามโลกครั้งใหม่เกิดขึ้น

     ๒ )  มันหมายความว่า   หลังจากถูกรัฐบาลอเมริกันเชือดเฉือนเอาเงินภาษีไปอย่างหฤโหดแล้ว !  ตลอด ๑ ปีที่ผ่านมาเรายังเหลือเงินไว้ซื้อและประดับต้นคริสต์มาสได้

     ๓ )  สำหรับตัวปู่เองวันคริสต์มาสนั้นเป็นวันที่ลูก ๆ และ หลาน ๆ ของปู่จะพร้อมใจกันเดินทางมาเยี่ยมปู่กัน

     ๔ )  วันนั้นจะเป็นวันที่ของกินบานตะเกียงเลย!

     ๕  )  และที่สำคัญที่สุดจะเป็นโอกาสอันดีมากที่ปู่จะได้กล่าวกับ หลาน ๆ  ทุกคนในห้องเรียนผ่านมาทางจดหมายฉบับนี้ว่า " Merry Christmas and a Good New Year " แน่ะ !


                                            

ริชาร์ด มิลเฮาส์ นิกสัน (ภาษาอังกฤษ: Richard Milhous Nixon) (9 มกราคม พ.ศ. 2456 - 22 เมษายน พ.ศ. 2537) เป็นประธานาธิบดีคนที่ 37 ของสหรัฐอเมริกา ระหว่าง พ.ศ. 2512พ.ศ. 2517 และเคยเป็นรองประธานาธิบดีคนที่ 36 ระหว่างปี พ.ศ. 2496 - พ.ศ. 2504 ริชาร์ด นิกสันเป็นประธานาธิบดีคนแรกและคนเดียวที่ลาออกจากตำแหน่ง สาเหตุที่ลาออกนั้นเกิดจากคดีวอเตอร์เกต
ในสมัยของนิกสันนั้นประสบความสำเร็จในด้านการทูต โดยเฉพาะการผ่อนคลายความตึงเครียดในช่วงสงครามเย็นกับสหภาพโซเวียต และประเทศจีน รวมไปถึงการถอนตัวออกจากสงครามเวียดนาม

                                              _________________________


ฉบับที่ ๕


มิสเตอร์ฮูเว่อร์ครับ



          ผมอายุ  ๗  ขวบ  เป็นเด็กดีและขยันผมสนใจมากเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และ ประธานาธิบดีของสหรัฐ  ผมหวังจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐเมื่อโตขึ้น  ผมจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้างเพื่อให้ความฝันของผมเป็นความจริงฮะ


                                                                                                                 โจนาธาน


          หลานต้องเชื่อปู่  หลานต้องจำไว้  ๓  อย่างดังต่อไปนี้

 ๑ )  ไม่มีใครจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นประธานาธิบดีได้ถ้ายังไม่สามารถเรียนจบชั่้นไฮสกูลเสียก่อน

 ๒ )  คนจะเป็นประธานาธิบดีได้ต้องเป็นคนที่ยึดมั่นในศาสนา และมีศิลธรรมเป็นหลักประจำใจ

   ๓  )  ในช่วงระยะเวลานี้หลานยังไม่ต้องเตรียมตัวอะไรหรอกเพียงแต่ทำตัวเป็นเด็กดี  และเอ็นจอยสนุกสนานกับชีวิตไปเถอะเพราะช่วงวัยเด็กของเราเป็นช่วงที่มีความสุขมากที่สุด และเมื่อผ่านไปแล้วเราจะเรียกคืนมาไม่ได้
           ชอบประวัติศาสตร์ใช่ไหม?  พร้อมกับจดหมายฉบับนี้ปู่ได้ส่งหนังสือประวัติศาสตร์ดี ๆ
มาให้หนูแยะเลย


                                      _________________________

ฉบับที่ ๖


คุณลุงคะ


          เพื่อนหนูในห้องแบ่งเป็น  ๒  ฝ่าย   ฝ่ายหนึ่งโตขึ้นอยากเป็นประธานาธิบดี  อีกฝ่ายหนึ่งโตขึ้นอยากเป็นหมอ  หนูตัดสินใจไม่ถูก  คุณปู่คิดว่าอาชีพอะไรดีกว่ากันคะ?


                                                                                                           แคทเธอลีน


         ลุงอยากให้หนูเป็นหมอมากกว่าเป็นประธานาธิบดี  ประเทศของเรายังขาดแคลนแพทย์อยู่เป็นจำนวนมาก  แต่เรามีนักการเมืองที่พร้อมจะวิ่งเข้าสู่ทำเนียบขาวหลายล้านคน  ปู่ตอบเท่านี้คงช่วยการตัดสินใจของหนูได้บ้างนะ




(ประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน)
                การบริหารประเทศของประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน ประธานาธิบดีลำดับที่ ๓๖  ในช่วงปี ค.ศ. ๑๙๖๕ – ๑๙๖๙ มุ้งแก้ไขปัญหาสังคมและสร้างความั่นคงให้กับประชาชนภายใต้แผน The Great Society Program ซึ่งสืบทอดงานของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนนาดี้ (ประธานาธิบดีลำดับที่ ๓๕)


                                                 ______________________


ฉบับที่ ๗


          มิสเตอร์อูเว่อร์คะ


          หนูอายุ ๑๐ ขวบค่ะ  หนูอ่านจากหนังสือพิมพ์พบว่าคุณปู่ชอบตกปลามาก  ปลาชนิดไหนที่ปู่ตกได้บ่อยที่สุดคะ   และเวลาปู่ตกปลาปู่ใช้อะไรเป็นเหยื่อคะ ของหนูใช้หนอนค่ะ


                                                                                                                      แมรี


          ปู่ตกปลาทุกเวลาที่มีโอกาส  ตอนเล็ก ๆ ปู่มีบ้านอยู่ในบริเวณที่มีปลาเทร้า (trout) มาก
ปู่ก็ใช้หนอนเหมือนหนู  แต่ปูเป็นคนแปลกอย่างหนึ่งพอตกเสร็จปลากินเบ็ดแล้วปูก็สบายใจ
ปู่จะปล่อยเขาลงน้ำไปอีกไม่เอากลับมากินบ้าน  ปู่ชอบไปตกปลาแถบฟลอริด้ามากเลยจ๊ะ





                              ประธานาธิบดีจอนห์ เอฟ เีคนเนดี้ 


ประธานาธิบดีจอนห์ เอฟ เีคนเนดี้ สหรัฐฯ กล่าวไว้ว่า ใครที่ขัดขวางรัฐประหารโดยสงบ ย่อมทำให้รัฐประหารโดยความรุนแรงกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ หมายความว่า รัฐประหารคือส่วนหนึ่งของการวิวัฒนาการทางการเมืองที่จะต้องเกิดเมื่อถึงเวลา เพื่อสังคมส่วนรวมจะได้ก้าวสู่ความสงบสุข โดยมิจำต้องเป็นปรากฏการณ์ที่น่ารังเกียจเสมอไป บางประเทศมีรัฐประหารถี่ เพราะอยู่ในระดับวิวัฒนาการหนึ่ง ผู้นิยมกฎหมู่เหนือกฎหมายและต้องการสถาปนา คนหลงรักตัวเอง ขึ้นเป็นนายกฯ เพื่อสร้างสรรค์ความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนไปอีกหลายชั่วคน โดยมิต้องอาศัย ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะไม่ชอบรัฐประหารอย่างแน่นอน


                                                   _____________________________

ฉบับที่ ๘



มิสเตอร์ฮูเว่อร์ครับ


          ผมกำลังจะเลือกศาตร์เรียนในมหาวิทยาลัยครับ  ถ้าจะเตรียมก้าวเข้าสู่วงการเมื่องผมควรจะเลือกเรียนศาตร์อะไรครับ  ท่านจะตอบจดหมายผมหรือเปล่าถ้าผมจะเรียนท่านตามตรงว่า  คุณพ่อคุณแม่ผมเป็นเดโมแคร้ต * และต่อไปข้างหน้าถ้าผมจะเป็นนักการเมืองผมจะใส่เสื้อเดโมแคร้ตเหมือนกันครับ


                                                                                                                       จิมมี่


          การจะเป็นประธานาธิบดีนั้นไม่ได้มีศาสตร์เรียนอะไร   โดยเฉพาะเจาะจง  จิมมี่จะเห็นอยู่แล้วไม่ใช่หรือว่าประธานาธิบดีของเราที่ผ่านมาในอดีตจะเรียนจบในสาขาที่ต่าง ๆ กัน ไม่ใช่วิชาชีพอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ  แต่เป็นเรื่องของการคัดคนที่เหมาะสมที่พร้อมจะอุทิศชีวิตเพื่อส่วนร่วม  และเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติมาก  ส่วนเรื่องพรรคจะพรรคไหนนั้นเป็นเรื่องอิสรภาพส่วนบุคคลของแต่ละคนขอให้จิมมี่โชคดีในทุกสิ่งที่ปราถนา

* ( เนื่องจากประธานาธิบดีฮูเว่อร์เป็นรีพับบลิกัน )



                                                       เจมส์ เอิร์ล "จิมมี" คาร์เตอร์ จูเนียร์ 

เจมส์ เอิร์ล "จิมมี" คาร์เตอร์ จูเนียร์ (อังกฤษJames Earl "Jimmy" Carter, Jr) เกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2467 (ค.ศ. 1924) เป็นประธานาธิบดีคนที่ 39 ของสหรัฐอเมริกาในช่วงปี พ.ศ. 2520 - 2524 และยังได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพ (Nobel Peace Prize) ในปี พ.ศ. 2545
                                             ______________________________
                                                  

ฉบับ (ไม่ ) สุดท้าย


ประธานาธิบดีครับ


          พวกเรามีคำถามสั้น ๆ  คือ พวกเราอยากทราบว่าเราควรจะทำอะไรบ้าง  เพื่อให้อเมริกา
ยิ่งใหญ่มากขึ้นไปกว่านี้อีกครับ

                                                                                      คณะนักเรียนห้องชั้นหก



          วิธีจะช่วยให้ชาติเจริญนั้นมีหลายวิธีด้วยกัน  คือปัญหาวัยรุ่นจะต้องให้น้อยลง  อาชญากรรมต้องลดลง  การขึ้นค่าแรงแต่ไม่เพิ่มผลผลิตนั้นถือว่าอันตรายร้ายแรงของชาติ
การจัดระบบงบประมาณให้กับหน่วยงานต่าง ๆต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ได้อัตราส่วนอย่างเหมาะสม
ระบบการค้าระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงมาก  มาตรฐานทางศิลธรรมของประชาชนทุกคนจะต้องอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ    หมั่นอุทิศตนเองให้กับศาสนาบ้าง      อย่าลืมนะว่าความยุ่งเหยิง  และการแตกความสามัคคีภายในบ้านของเรานั้น  มันน่ากลัวเสียยิ่งกว่าสงครามนิวเคลียร์จากนอกประเทศเสียอีก !!!



                                                   ___________________________

หมายเหตุ : จดหมายฉบับ ( ไม่ ) สุดท้าย ถูกเขียนและตอบมาตั้งแต่ สมัย ประธานาธิบดี
                         
    เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ (August 10, 1874 – October 20, 1964) จดหมายถูก     บันทึกมาร้อย
กว่าปีแล้ว แต่ผมอ่านไปอ่านมาหลายครั้งก็เหมื่อนเหตุการใน   จดหมายถูกเขียนขึ้นเมื่อไม่นานมานี่เองเพื่อเตือนสติคนในชาติของเรา ( ประเทศไทย ) ก่อนจากกันไปนอน ผมมีนิทานเรื่องหนึ่จะนำมาลงให้อ่าน


  
                                                       นาย ชิต บุรทัต ผู้ประพันธ์



                                  เรื่องสามัคคีเภทคำฉันท์ โดยย่อ


สามัคคีเภทคำฉันท์ มีว่าสมัยก่อนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานไม่นานนัก พระเจ้าอชาตศัตรูทรงครองราชสมบัติที่นครราชคฤห์ แคว้นมคธ พระองค์ทรงมีวัสสการพราหมณ์ ผู้ฉลาดและรอบรู้ศิลปศาสตร์ เป็นที่ปรึกษาราชกิจทั่วไป ขณะนั้นทรงปรารภจะแผ่พระราชอาณาเขตเข้าไปถึงแคว้นวัชชี แต่กริ่งเกรงว่ามิอาจเอาชนะได้ด้วยการส่งกองทัพเข้ารุกราน เนื่องจากบรรดากษัตริย์ลิจฉวีมีความสามัคคีสูง และการปกครองอาณาประชาราษฎ์รด้วยธรรม อันนำความเจริญเข้มแข็งมาสู่แว่นแคว้น พระเจ้าอชาตศัตรูทรงหารือเรื่องนี้เป็นการเฉพาะกับวัสสการพราหมณ์ จึงเห็นแจ้งในอุบายจะเอาชนะด้วยปัญญา
วันหนึ่งพระเจ้าอชาตศัตรูเสด็จออกว่าราชการพร้อมพรั่งด้วยเสนาอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่ เมื่อเสร็จวาระเรื่องอื่นๆลงแล้ว จึงตรัสในเชิงหารือว่า หากพระองค์จะยกทัพไปปราบแคว้นวัชชีใครจะเห็นคัดค้านประการใดวัสสการพราหมณ์ฉวยโอกาสเหมาะกับอุบายตนที่วางไว้ ก็กราบทูลท้วงว่าเห็นทีจะเอาชนะไม่ได้เลย เพราะกษัตริย์ลิจฉวีทุกองค์ล้วนผูกพันเป็นกัลยาณมิตรอย่างมั่นคง มีความสามารถในการศึกและกล้าหาญ อีกทั้งโลกจะติเตียน หากฝ่ายมคธจงใจประทุษร้ายรุกรานเมืองอื่น ขอให้ยับยั้งการทำศึกเอาไว้เพื่อความสงบของประชาราษฎร์พระเจ้าอชาตศัตรูทรงแสร้งแสดงพระอาการพิโรธหนัก ถึงขั้นรับสั่งจะให้ประหารชีวิตเสีย แต่ทรงเห็นว่าวัสสการพราหมณ์รับราชการมานาน จึงลดโทษการดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพครั้งนั้น เพียงแค่ลงพระราชอาญาเฆี่ยนตีอย่างแสนสาหัสจนสลบไสล ถูกโกนหัวประจานและ เนรเทศออกไปจากแคว้นมคธ
ข่าววัสสการพราหมณ์เดินทางไปถึงนครเวสาลี เมืองหลวงของแคว้นวัชชี ทราบไปถึงพระกรรณของหมู่กษัตริย์ลิจฉวี  จึงรับสั่งให้เจ้าพนักงานตีกลองสำคัญเรียกประชุมราชสภาว่า ควรจะขับไล่หรือเลี้ยงเอาไว้ดี  ในที่สุดที่ประชุมราชสภาลงมติให้นำเข้าเฝ้าเพื่อหยั่งท่าทีและฟังคารมก่อน
แต่หลังจากกษัตริย์ลิจฉวีทรงซักไซ้ไล่เลียงด้วยประการต่างๆ ก็หลงกลวัสสการพราหมณ์  ทรงรับไว้ทำราชการในตำแหน่งอำมาตย์ผู้พิจารณาพิพากษาคดีและตั้งเป็นครูฝึกสอนศิลปวิทยาแก่ ราชกุมารของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีด้วย  จากนั้นต่อมา  พราหมณ์เฒ่าก็ทำที่ปฎิบัติงานในหน้าที่อย่างดี ไม่มีสิ่งใดบกพร่อง จนหมู่กษัตริย์ลิจฉวีไว้วางพระทัย
แผนการทำลายความสามัคคีได้เริ่มจากวัสสการพราหมณ์ใช้กลอุบายให้บรรดาราชโอรสกษัตริย์ลิจฉวีระแวงกัน โดยแกล้งเชิญแต่ละองค์ไปพบเป็นการส่วนตัว  แล้วถามปัญหาธรรมดาที่รู้ๆ  กันอยู่  เมื่อองค์อื่นซักเรื่องราวว่าสนทนาอะไรกับอาจารย์บ้าง  แม้ราชกุมารองค์นั้นจะตอบความจริง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อถือ ก่อให้เกิดความระแวงและแตกร้าวในบรรดาราชกุมาร  กระทั่งลุกลามไปสู่กษัตริย์ลิจฉวี ผู้เป้นพระราชบิดาทุกองค์  ทำให้ความสามัคคีค่อยๆ เสื่อมลงจนกระทั่งไม่เข้าร่วมประชุมราชสภา  หรือได้ยินเสียงกลองก็ไม่สนใจประชุม  เมื่อมาถึงขั้นนี้วัสสการพราหรณ์จึงลอบส่งข่าวไปให้พระเจ้าอชาตศัตรูยกทัพมาตีแคว้นวัชชีได้เป็นผลสำเร็จสามัคคีเภทคำฉันท์ แต่งขึ้นเพื่อมุ่งสรรเสริญธรรมแห่งความสามัคคีเป็นแก่นของเรื่อง และหลักธรรมข้อนี้ไม่ล้าสมัย  สามารถยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่หมู่ชนที่มีความพร้อมเพรียงกันพัฒนาสังคม  หากนำมาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง

                                                      ____________________________


สัมพันธ์ จันทร์ผา


1 ความคิดเห็น:

  1. Lung cancer early diagnosis and treatment Early Lung Cancer Survival Rates Being able to reach 90 percent of lung cancer patients is important. Anti-Cancer Association's Lung Cancer Specialist and vice president of cancer hospital said The reason for the increase in incidence and lung cancer deaths

    อ่านต่อได้ที่ โรงเรียนบ้านวังตลับ

    ตอบลบ