ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าไปเที่ยวพิษณุโลกกับเพื่อน ได้พบกับนายอำเภอคนหนึ่งที่ร้่านกาแฟในตลาด (ตอนนั้นในพิษณุโลกยังไม่มีร้านกาแฟเป็นดอกเห็ดเหมือนสมัยนี้
นะครับ) เลยนั่งคุยกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของพิษณุโลก นายอำเภอเล่าเรื่องแปลกในท้องที่ของเขาที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงที่ไม่น่าจะมีได้ให้ฟัง ข้าพเจ้ายังงง ๆ เหมือนกันไม่รู้จะตัดสินยังไงถูก ถ้าเราเป็นผู้พิพากษา ก็คงต้องพลิกตำราหลายบทหลายเล่มทีเดียว
เรื่องมีอยู่ว่า ผัวเมียสองคู่ทำไร่ข้าวโพดอยู่ติดกัน วันหนึ่งผัวคนแรก เดินตามหาเมียซึ่งหายไปไม่รู้ตั้งชั่วโมงแล้ว เดินไปถึงไร่ข้าวโพดที่ติดกัน ก้ม ๆ เงย ๆ ดูไปในไร่ของเพื่อนบ้าน ก็เห็นเจ้าของไร่กำลังข่มขืนเมียของเขาอยู่ เขายืนดูจนการแสดงความรักเสร็จสิ้น เมียของเขาก็เดินร้องไห้กลับมา พบผัวตัวเองยืนอยู่ริมไร่ติดกันก็เล่าให้ฟังว่า ถูกเรียกไปคุยแล้วได้ท่าก็ข่มขืน สามีของเธอก็เรียกชายชู้นั้นมาสอบถามก็รับว่าจริง เพราะเห็นกันอยู่ทนโท่จะปฏิเสธยังงัยไหว ชายชู้รับว่าเรื่องมันเลยมาแล้วจะทำยังไงก็เอา เขาย่อมทุกอย่างไม่เถียงไม่สู้ยังไงทั้งนั้น สามีของเมียที่ถูกข่มขืนยืนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็ตัดสินใจพูดออกไปว่า จะฆ่าจะแกงกันก็ไม่มีประโยชน์ เมียเสียท่าไปแล้วเอาคืนก็ไม่ได้ จึงตัดใจให้เรียกเมียของชายชู้มาให้เขาข่มขืนตรงที่ ๆ ชายชู้ข่มขืนเมียของเขาแล้วเป็นอันเลิกแล้วต่อกัน มิฉะนั้นก็ต้องตายไปข้างหนึ่ง ชายชู้นิ่งคิดอยู่ครูหนึ่ง นึกถึงบาปบุญคุณโทษแล้วก็ตอบตกลงเพื่อให้เรื่องเสร็จไปด้วยดี แล้วก็ไปตามเมียของตนให้มาช่วยผัวที่ผิดไปแล้วหน่อย เมียก็เดินตามผัวออกมาให้เขาข่มขืนต่อหน้าผัว การข่มขืนก็ต้องทำเป็นดิ้นรนพอสมควร แต่ในที่สุดก็สมประสงค์ แล้วทั้งสองฝ่ายก็เลิกราต่อกัน ต่างกลับบ้านไปทำมาหากินต่อไป
วิธีการชำระคดีแบบโบราณก็เรียกว่าตาต่อตา ฟันต่อฟันนี้ ไม่ใช่ของใหม่ กฏหมายเก่าก็เคยมีมาก่อน ก็คงได้ผลดีในสมัยนั้น ๆ ทำให้คนเข็ดหลาบพอสมควร เช่นฟันแขนเขาก็ต้องให้เขาฟันตอบ ทำให้เขาตาบอดข้างหนึ่ง ก็ต้องยอมให้เขาทำตาเราบอดข้างเดียวกัน
บัดนี้ ได้เกิดคดีใหม่ขึ้นอีกดังได้เล่ามาแล้ว สามีของเมียที่ถูกข่มขืน ขอใช้บทกฏหมายโบราณที่เรียกว่า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน คือขอข่มขืนเมียเพื่อนบ้านตอบแทนการกระทำอันชั่วร้ายของเพื่อนบ้าน ด้วยการกระทำตอบเยียงเดียวกัน แล้วความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองก็จะเข้าสู่ปกติสุขเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันก็น่าจะดีอยู่ไม่น้อยสำหรับสังคมมนุษย์ดีกว่าที่จะให้ตีรันฟันแทงกันจมล้มตายลงข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง แล้วอะไรจะเหลืออยู่ในโลกนี้ นอกจากแม่หม้ายสองคนก้มหน้าก้มตาปลูกข้าวโพดหรือปลูกถัวปลูกงาจนแก่เฒ่าตายจากกันไป
แต่เรื่องนี้มันไม่จบลงอย่างง่ายดายเช่นว่านั่นเพราะต่อมาอีกสองสามวัน ชายชู้คนที่ว่านั้นไปนั่งเสียใจและเสียดายความบริสุทธิ์ของเมียซึ่งก็คงด่าสาปแช่งผัวของตัวเองไม่หยุดปาก
จนกระทั้งทนไม่ไหว ก็ไปแจ้งความโรงพักให้ดำเนินคดี ซึ่งตำรวจก็คงต้องตามตัวมารับข้อหาตามระเบียบ
ชายคนที่ถูกเป็นผู้ต้องหา เดินคิดอยู่หลายตลบว่า มันตกลงกันแล้วทำไมถึงไปแจ้งความตำรวจอีก มันเล่นไม่ซื่อ และหักหลังกันยังงี้ ใช้ได้เมื่อไหร่ คิดไปคิดมาก็หวนไปแจ้งความโรงพักบ้างว่าเจ้าชายชู้เล่นเมียเขาก่อนโดยข่มขืน ขอให้ดำเนินคดีเช่นเดียวกัน ตำรวจ
เขาก็ทำตามระเบียบคือเรียกตัวชายชู้ไปรับแจ้งข้อหา เรียกประกันตัวตามวิธีการสอบสวน
เรื่องนี้ยังคาอยู่ที่โรงพัก ยังไม่รู้ว่าสารวัตรเขาจะทำอย่างไงกับคู่กรณี นายอำเภอก็เล่าเพียงเท่านี้แหละ และว่ากำลังฟังอยู่เหมือนกันว่าจะจบยังไง ข้าพเจ้าคนฟังก็งงเหมือนกันว่าจะให้จบอย่างไงถ้าเรื่องถึงศาล ศาลก็คงงงเหมือนข้าพเจ้าว่าจะตัดสินยังไง แต่จะปฏิเสธไม่ยอมตัดสินก็คงไม่ได้ เพราะถ้าเรื่องถึงศาลแล้วจะอ้างไม่ได้ว่าตัดสินไม่ลงหรือไม่มีกฏหมาย
เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่นิยาย เรื่องเกิดขึ้นที่พิษณุโลก ขอสงวนชื่อโจทย์ จำเลย
และชื่อท้องที่ เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดเสียหาย เสียชื่อเสียงกันไปหมดทั้งเจ้าหน้าที่ด้วย เรื่องมันไม่ควรจะเกิดก็มาเกิดขึ้น เพราะความสนุกชั่วแล่นของบุคคลทั้งสองฝ่าย เป็นเรื่องน่าคิดว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพวกเราจะทำอย่างไร จะตัดสินใจอย่างไร ทำยังไงถึงจะให้เสียน้อยที่สุดแก่คู่กรณี
ดีที่สุดที่ข้าพเจ้าคิดได้ ก็คือต้องตัดใจว่า ที่หลังอย่าทำ
ที่หลังอย่าทำ จำไว้นะ
-----------------------------------
chanpa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น