เรื่องทุกเรื่องเป็นอดีตไปหมดแล้ว เกิดจากความจำ เกิดจากอารมณ์ขำ อ่านแล้วไม่เครียด อ่านแล้วขำลึก ๆ นึกขึ้นมาที่ไรก็เบิกบานทุกครั้ง
วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าผี
สืบเนื่องมาจาก อคติพจน์ "เสรีชนคือคนที่ไม่มีหนี้สิน" เพื่อนคนหนึ่งของข้าพเจ้าเขาออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ของวันศุกร์เพื่อไปทำงานตามเวรตามกรรม
ของเขา ครั้นแล้วเย็นวันเสาร์ก็ไม่กลับบ้าน ไปนอนค้างที่บ้านเพื่อนอีกคนหนึ่ง เย็น
วันอาทิตย์ก็มิได้กลับอีก ได้นั่งกอดเข่าทอดถอนใจใหญ่บนหลังตุ่มน้ำหน้าบ้านข้าพเจ้า
มีอาการเบื่ออาหารจนกระทั้งมีผู้นำปลาดุกทอดกรอบผัดเผ็ดจานหนึ่งใส่ลูกพริกไทยอ่อนด้วย
และกุ้งอบอีกจานหนึ่งไปวางไว้บนฝาตุ่มน้ำอีกลูกหนึ่ง ๆ กับที่เขานั่งอยู่ จึงแข็งใจรับประทาน
ไปจนหมด เพื่อน ๆ ที่มัวโอ้เอ้พากันด่าทอขรม
ใครก็ตามที่มีเพื่อนฝูงตั้งแต่คนหนึ่งขึ้นไป มักจะถูกทางบ้านของเพื่อนคนนั้นติดต่อสอบถามความสงสัยต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะถามว่า เพื่อนคนนั้นของเราได้มาสิงสู่อยู่ที่บ้าน
เราหรือหาไม่ ถ้าอยู่ขอให้ช่วยตามมาพูดสักหน่อย หรือถ้ากำลังหลับสนิทมึนเมาครองสติไม่อยู่และยังไม่สร่างก็ขอให้บอกไปให้แจ้ง จะได้ไปรับกลับบ้าน
เพื่อนบางคนอาจจะขอร้องเป็นการส่วนตัวว่า ถ้าไม่มีใครมาถามหาหรือแม้แต่โทรศัพท์มาถามถึงก็ขอกรุณากราบฝ่าเท้าบอกว่า ไม่ได้มาที่นี่ แม้ว่าวันนั้นจะเป็นวันพระธรรมดาหรือวันวิสาขบูชาหรือมาฆะบูชา ซึ่งคนปกติธรรมดาทั่วไปพยายามที่จะถือศิล ๕ กันอย่างเคร่งครัด
ก็ตาม
เมื่อมีเสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น ข้าพเจ้าก็รับสาย ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งถามมาอย่าง
เหี้ยม ๆ ว่า "กร่อยไปที่่บ้านหรือเปล่าคะ....ฉันเป็นแม่ของเขา....แม่ตัวนะไม่ใช่แม่เลี้ยง แม่ยก
อะไร ๆ ทั้งสิ้น.." "อ้า...ไม่....ไม่อยู่ครับคุณแม่....ไม่ได้พบปะเจอะเจอกันมาสองสามสัปดาห์แล้วครับ" "ถ้ายังงั้นช่วยบอกมันด้วยนะว่า เมียของมันเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ
ให้รีบไปดูใจด่วน....ถ้าไม่ไป เป็นอันขาดแม่ขาดลูกขาดผัวขาดเมียกันนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป......."
ข้าพเจ้าพยายามขอร้องนายกร่อยเพื่อนของข้าพเจ้าให้ไปโรงพยาบาลซึ่งภริยาของมันถูกผ่าท้องตัดไส้ติ่งที่อักเสบออกมาทิ้ง แต่มันก็เฉย ๆ และกระเดียดไปทางซึมกระทือเสียด้วย "เองไม่สงสารแฟนเองบ้างหรือ....คำว่าสุภาพบุรุษหมายความว่าอะไร เคยมีบ้างไหมสิ่งที่มนุษย์เรียกว่าความรับผิดชอบ....ขนาดเมียป่วยเข้าโรงพยาบาลผ่าตัด ไม่รู้ว่าจะลูกผีหรือลูกคนเอ็งยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน"
"ทุกคนฟังทางนี้ " มันยืน เผชิญหน้ากับเพื่อนอย่างองอาจกล้าหาญและสง่างามเหมือนสุวรรณหงษ์ก่อนถูกหอก แล้วมันก็พูดต่อไปว่า "มนุษย์เรานั้นอาจมีปอดสองอัน มีหูสองหู
แต่ทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชายจะมีไส้ติ่งเพียงอันเดียวเท่านั้น และข้าก็จำได้ว่า เมียของข้า
ได้ตัดไส้ติ่งทิ้งไปตั้งแต่เขาอายุ ๑๕ หรือ ๑๖ ปี อั๊วจำได้เพราะบ้านเราอยู่ใกล้กัน และลือ
กันให้ลั่นไปหมด" "แล้วอย่างไร" เพื่อนถามด้วยความกังขา "ในเมื่อเมียของข้ามีไส้ติ่ง
ประจำชีวิตเพียงอันเดียวเหมือนมนุษย์ทั้งหลายในโลกนี้ไม่ว่าอลิซาเบธเทย์เลอร์ หรือ นางงามชาวเงาะซาไกคู่รักเก่าของเอ็ง (ข้าพเจ้า) ก็ตาม และถูกหมอตัดทิ้งไปแล้วกระนี้เอ็ง
จะให้ข้าเชื่ออีกหรือว่า เขาถูกตัดไส้ติ่งเป็นครั้งที่ ๒"
"จริง..."เพื่อน ๆ ร้องกันเซ็งแซ่ แล้วมีบางคนกล่าวว่า "ถ้าเอ็งกลับบ้านในยามนี้ ไส้ติ่งของเอ็งนั่นแหละที่จะถูกตัดทิ้งถ้ายังไม่ได้ตัด...."
____________________
เพื่อนอีกคนหนึ่ง....ประกาศถอนหมั้นกับคู่หมั้นของเขา เรื่องก็เงียบและเรียบร้อยเป็นปกติไม่มีสถานการณ์ใด ๆ ที่น่าวิตกกังวลและห่วงใย อยู่มาเวลาสาย ๆ ของวันหนึ่ง มีโทรศัพท์มาถึงหมอนั่น เมื่อเขาวางหูโทรศัพท์แล้วจึงแถลงชี้แจว่า
"อีให้อั๊วไปรับแหวนหมั้นคืน....อั๊วพยายามอธิบายว่ายกให้ จะเอาไปบริจาคเป็นการกุศลที่ไหนก็ตามใจ อีบอกว่าไม่ต้องการ ขอให้อั๊วไปรับวันนี้และให้ไปเดี๋ยวนี้ด้วย....."
"ความจริงก็น่าจะไปรับคืนมาตามสิทธ์....เพราะเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการถอนหมั้นกันขึ้น สาเหตุที่แท้จริงจำไม่ค่อยได้ มีเพื่อนเราสองคนเท่านั้นที่อ้างว่าจำได้..."
"ช่างเถอะ" คนที่ถูกเรียกให้ไปรับแหวนหมั้นคืนตัดบทอย่างหัวเสีย "จะเป็นเพราะเหตุใดก็ลืม ๆ ไปเสีย"
การไม่นำเรื่องราวของเพื่อนในยามที่เขาจนมุมหรือสิ้นท่าหรือตกอยู่ในสภาพหมดรูปมาพูดถึงนั้น เป็นจรรยาบรรณและมารยาทงามของของชาวสังคม ผู้ที่ชอบจำได้และพูดถึงความระยำอัปรีย์ของเพื่อนฝูงนั้น เป็นผู้ที่โลกไม่สรรเสริญ บัณฑิตก็ติเตียน ปราชณ์อาจจะถึงขนาดด่าทอเอาทีเดียว มีผู้ออกความเห็นว่า "ถ้าเอ็งไปรับแหวนหมั้นคืน....แหวนหมั้นนั้นจะใส่ปากเอ็งนั่นแหละเพราะเอ็งคงตายแน่....."
"ก็อย่างนั้นแหละ ถึงอย่างไรก็ไม่ไปแน่...."
____________________________
ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อเทวทรรศน์....วันหนึ่งเกิดไม่ถูกกับบริษัทที่เขาทำงานอยู่อย่างรุ่นแรง จนไม่มีท่านผู้หลักผู้ใหญ่คนใดสามารถประสานรอยร้าวนั้นให้กลับคืนดีกันได้อีกต่อไป เขาจึงเดินออกจากที่ทำงานนั้นแล้วไม่หวนกลับไปอีกเลย ทิ้งกรรไกรตัดเล็บยี่ห้อดี
กางเกงแพร เสื้อคอกลม และผ้าขนหนูอย่างดีไว้ในสำนักงาน
ต่อมา ทางบ้านก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งขอให้ไปรับเงินที่ยังเหลืออยู่อันเป็นสิทธิของเขาที่พึงจะได้รับ เขาบอกข้าพเจ้าว่านั่นเป็นกลอุบายของอีตาสมุห์บัญชีมหาโหด ที่ต้องการ
ล่อเขาให้เข้าไปที่บริษัท ถ้าไปก็มีหวังไม่ได้กลับออกมาอีกหรือได้ออกก็ตรงไปเข้าตารางเลย
"ถ้าลำบากนักเช่นนั้นก็มิควรที่จะไป" เพื่อน ๆ พากันออกความคิดเห็น
_______________________________
ร้านขายกาแฟแห่งหนึ่ง...ได้นำกระดานดำมาติดไว้หน้าบ้านร้าน ประกาศข้อความว่า.....
"ท่าน..ที่รักและเคารพนับถือทั้งหลาย การที่ท่านได้เป็นหนี้ค่ากาแฟข้าพเจ้าท่านละมากบ้างน้อยบ้างนั้น บัดนี้ ข้าพเจ้าปลงตกแล้วท่านจะใช้ให้เมื่อไรก็เอาเถิด ไม่ว่ากระไร แต่ขอ
ให้ท่านไปอุดหนุนข้าพเจ้าตามเดิม คำน้อยข้าพเจ้าก็จะไม่ปริปากทวงหนี้ให้ท่านได้รับความ
ชอกช้ำระกำหัวใจเป็นอันขาด การที่เวลากินเชื่อพวกท่านมากินที่ร้่านข้าพเจ้า พอเชื่อจนร้านข้าพเจ้าแทบจะหมดทุนแล้ว พวกท่านพากันไปกินร้านอื่นด้วยเงินสด แล้วไอ้ร้านนั้นมัน
ก็มาเยาะเย้ยข้าพเจ้าทุกวันจนข้าพเจ้าแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว จึงขอให้บรรดาแฟน ๆ ทั้งหลายได้โปรดใช้ศรีษะแม่มือคิดดูเถิดว่าการณ์จักควรประการใด
ด้วยความชอกช้ำระกำใจที่สุด ๆ
"เถ้าแก"
ใน....การประัชุมเพื่อหาข้อมูลอันถูกต้องว่า ทำไมคนเราจึงมักจะชอบเชื่อสุราอาหารและกาแฟเขารับประทาน และคนส่วนหนึ่งหลังจากเชื่อไปในจำนวนมากจนสังหรณ์ใจหรือมีสิ่งบอกเหตุว่าทางร้านจะไม่ยอมให้เชื่ออีกต่อไป ก็พากันหลบหน้าหลบตาไปกินที่ร้านอื่นด้วยเงินสด จนกว่าจะได้รับความไว้ว่างใจให้เชื่อได้อีก ก็จะเชื่อไปเรื่อย ๆ แล้วหลบลี้หนีหน้าต่อไป เป็นวงเวียนที่ไม่รู้จักสิื้นไม่รู้จักจบ
ผลของการประชุมเพื่อเดาสวดหาเหตุผลหรือข้อเท็จจริงปรากฏว่า ไม่มีใครทราบว่าเพราะ
เหตุใด และปรากฏว่าผู้ที่เข้าประชุมทุึกท่านล้วนแต่เคยเป็นหนี้ค่ากาแฟ ค่าสุรา และ
ค่าอาหารเล็ก ๆ น้อย บางคนก็เป็นหนี้ค่าเรือข้ามฟาก ค่ารถสามล้อในซอยบ้านของตนด้วย
เพื่อนอีกคนหนึ่งของข้าพเจ้า ได้ไปเล่าให้จิตแพทย์ซึ่งเป็นเพื่อนฝูงกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยว่าเขาเป็นหนี้เจ๊คนหนึ่งที่ตลาด ซึ่งพวกเราสมัยนั้นนับถือเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง จน
กระทั่งแกถึงแก่กรรมโดยไม่ได้ชำระหนี้ก้อนนั้น เขาเล่าว่าฝันถึงแกบ่อย ๆ ปีหนึ่งตกสามหรือสี่ครั้ง ในฝันก็ไม่มีอะไรน่ากลัวเพราะแกก็อ้วนท้วนเปล่งปลั่งดียิ้มแย้มแจ่มใส แต่พอเขาตกใจตื่นจะมีอาการเหงือท่วมตัวด้วยความกลัวผี ทั้ง ๆ ที่เขากรวดน้ำอุทิศกุศลให้แกตลอดมาทุกคืนตั้งหลายสิบปีมาแล้ว
จิตแพทย์มองไปทางหน้าบ้าน ซึ่งแฟนของเขากำลังยืนดูคนรับจ้างรับมีดอยู่ มีดทำครัว
เท่านั้นเอง แล้วพูดว่า
"เรายิ่งกว่านายอีก...คือเราขโมยของเจ๊ด้วยซ้ำไป..."
"ขโมย" เขาตาเหลือก.... "ขโมยทั้ง ๆ ที่บ้านหมอก็มั่งมีออกอย่างนั้นนะหรือ....บ้าหรือว่าโกรธใคร"
"เปล่า...หมอนั่นสั่นศรีษะในประวัติของตนเองอย่างอิดหนาระอาใจ " ของที่เ้ราขโมยอะไรรู้ไหม.....ขี้ไต้ไงละ....ขี้ไต้สำหรับทำเชื้อไฟหุงข้าวน่ะแหละ อันละสตางค์เดียวเท่านั้น...
ถ้าแม่เรารู้ เราไม่ได้เป็นหมอหรอก...เป็นผีไปนานแล้วเพราะแกคงตีตาย"
__________________________________
ทุกครั้งที่ท่านทั้งหลายอ่านแจ้งความตามหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับคนหาย ขอให้ท่านทั้ง
หลายได้โปรดแผ่ความเมตตาให้แก่ผูกที่ถูกแจ้งความว่า เป็นคนหายนั้นด้วยแล้วกัน เพราะ
ความจริงเขาอาจจะไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่หนีเจ้าหนี้เท่านั้น และการลงแจ้งความ
"คนหาย" ก็เพื่อรักษาหน้าหรือศักดิ์ศรีของคนที่ถูกลงแจ้งความตามตัว บางทีถ้าลงโจ๋งครึ่ม
เกินไป หนังสือพิมพ์เขาก็ยอมลงให้เพราะเขาขี้เกียจถูกฟ้อง
มีตัวอย่างของการเขียนข้อความจะนำไปลงแจ้งความในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งดังนี้
ปรกาศคนหาย
ด้วย....ปรากฏว่า นายฮุดเอ่ง ได้หายไปจากแผนกการเงิน กองบัญชี
บริษัท ไท กอ ก๊วย จำกัด เป็นเวลาหลายวันมาแล้ว สงสัยว่าอาจจะได้รับอันตราย
หรือถูกล่อลวงไปในทางทุจริตเพราะเจ้าตัวเป็นคนเหลาซิดมาก ซื่อที่สุด ยากที่จะมีใคร
ซื่อเหมือนแกจริง ๆ ทางบริษัทรู้สึกอกไหม้ไส้ขมตรอมตรมใจมาก ท่านผู้ใดรับอุปการะไว้
ขอให้เลี้ยงดูให้ดี ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเบิกได้ โดยไม่ต้องนำใบเสร็จมาแสดง เพียงแต่ทำ
รายการจ่ายมาให้ดูเท่านั้น หรือพาไปชี้ที่อยู่ของเขาให้เรารู้จนได้ตัวแกมาแล้ว ทาง
บริษัทจะสมนาคุณด้วยเงินสดทันทีสามหมื่นบาท (ในสมัยนั้นถือว่ามาก) โดยไม่มีเงื่อนไข
ใด ๆ ทั้งสิ้น เรามีเงินสดติดตัวเสมอไม่ว่าจะเป็นวันหยุดอะไรก็ตาม และรับว่าจะรักษา
ความลับไว้มิให้แพร่งพรายถึงหูเขาเป็นอันขาด
"ลงชื่อ.......................สมุห์บัญชี
ประทับตราประจำตำแหน่งมาเป็นสำคัญ"
มี...ชายคนหนึ่งไปนั่งกินกาแฟในร้านเหงา ๆ แห่งหนึ่ง เขานั่งอยู่ในร้านนั้นเกือบ
หนึ่งชั่วโมง เห็นเถ้าแก่เจ้าของร้านแกมองหน้าเขาหลายหน จึงลุกขึ้นนำเงินสดค่ากาแฟ
ไปชำระ แล้วถามว่าเถ้าแก่ดูโหงวเฮ้งเป็นหรือ เห็นมองหน้าบ่อย ๆ
เจ้าของร้านกาแฟตอบว่า คนที่ลงแจ้งความในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ มากินกาแฟที่ร้านแกเป็นประจำทุกวัน อีกไม่กี่นาทีก็จะมาแล้วบ้านแกอยู่ในตรอกหลังร้านนี่เอง ว่าแล้วแก
ก็ส่งหนังสือพิมพ์จีนให้ดู ตรงที่มีแจ้งความอะไรไม่ทราบเพราะเป็นหนังสือจีน แต่มีรูปเขา
ปรากฏหราอยู่
"ไอ๊ย่า" เขาร้องเบา ๆ
"ไอ๊ย่า" เจ้าของร้านกาแฟร้องเบา ๆ เหมือนกัน
"ลีบ (รีบ) ปาย...." แกบอก " ปูเหลียวอีมาเจอกังจายุ่งกังหญ่าย"
"ขอบใจนะเถ้าแก่" เขาออกจากร้านนั้นไปโดยเร็ว
"มนุษย์ธรรมยังมี" ชายอีกคนหนึ่งกล่าวเป็นภาษาแต้จิ๋ว เขา
เป็นคนไหหลำก็จริง แต่มากินกาแฟที่ร้านแต้จิ๋วเป็นประจำ
เขากล่าวเสมอว่า "อั๊วไม่ถือผิว ฮิฮิ...!!!! "
_______________________________
Chanpa
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น