หมากับคนบทอวสาน
ครั้งก่อนผมพูดถึงความซื่อสัตย์หมาของ ซาบินุส แ่ต่วันนี้ผมจะพูดถึงหมาที่ผมพอใจในความเก่งกล้าของมันคือ เจ้าเปริตาส หมาของพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราช คือในตอนที่พระองค์กำลังเตรียมยกทัพบุกไปให้ถึงอินเดียนั้น ทรงมีพระราชดำริใคร่จะมี หมามาสตีฟ ของกษัตริย์อัลบาเนียไว้ หมาพันธุ์นี้เมื่อโตเต็มที่จะสูงถึงสองฟุตครึ่งและหนักราวสองร้อยปอนด์ เมื่อกษัตริย์อัลบาเนียส่งหมามาสตีฟขนาดใหญ่มาถวายแล้ว พระเจ้าอเลกซานเดอร์ทรงใคร่ทดลองให้แน่พระทัย ก็ตรัสสั่งให้นำมันไปเข้าสังเวียนและปล่อยหมีลงไป เจ้าหมาคงนอนดูเฉย จึงตรัสสั่งให้ปล่อยหมูป่าแสนดุลงไปอีกตัวหนึ่ง หมามันก็ไม่ปราดถนาจะทำอะไร ในที่่สุดจึงปล่อยกวางฟาลโลว์ซึ่งเป็นกวางแคระมีนิสัยสู้อย่างไม่คิดชีวิต ลงไปในสังเวียนอีก แต่เจ้าหมามาสตีฟคงนอนดูกวางตาปริบ ๆ พอกวางเดินเข้ามาใกล้มันก็ยกขาให้พ้นเสียหน่อยหนึ่งเพราะกลัวกวางจะเหยีบขามัน พระเจ้าอเลกซานเดอร์ทรงกริ้วมากจึงตรัสสั่งให้ทหารใช้หอกฆ่ามันเสีย แล้วตรัสสั่งให้กษัตริย์อัลบาเนียจัดหมามาสตีฟที่ดีกว่าตัวนี้มาถวายโดยด่วน
กษัตริย์อัลบาเนียจึงจัดส่งหมามาสตีฟครอกกันอีกตัวหนึ่งชื่อ "เปริตาส" มาถวายพร้อมกับมีพระราชสาส์นกำกับมาว่า ขออย่าได้ทรงนำหมาที่ถวายไปทดพลองแบบตลก ๆ อย่างนั้นอีก ที่จริงหมาตัวแรกที่ส่งมาถวายนั้นคัดเลือกอย่างดีที่สุดแล้ว แต่หมี หมูป่า และกวางแคระนั้นไม่มีความหมายในสายตาของมัน มันจึงไม่อยากจะสู้ด้วย หมาตัวที่ส่งมาถวายนี้ถ้าพระองค์จะทรงทดลองละก้อ ขอให้ทรงจัดสิงโตหรือช้างดุ ๆ สู้กับมันเถิด และขณะนี้มีหมามาสตีฟอย่างนี้อยู่เพียงสองตัว คือตัวที่ส่งมาถวายกับแม่ของมันเท่านั้น
พระเจ้าอเลกซานเดอร์จึงทรงปล่อยเจ้าเปริตาสลงไปในสังเวียนกับสิงโตดุตัวหนึ่่ง แต่สู้กันเพียงครู่เดียว สิงโตก็ถูกหมายักษ์ตัวนั้นก็เหวี่ยงไปหมอบอยู่ข้างสังเวียนและตายสนิท จึงตรัสสั่งให้เอาช้างพลายดุ ๆ ลงไปลองกำลังอีก เมื่เจ้าเปริตาสเห็นช้าง มันชันขนคอและขนบนสัุนหลังให้พองขึ้นคล้ายแมว และส่งเสียงคำรามขู่อย่างน่ากลัว พอมันเห็นช้างกระพริบตานิดเดียวเท่านั้น มันก็พุ่งตัวกระโดดขึ้นกัดสีข้างช้างด้านหนึ่งทันที และก็วิ่งไปกระโจนกัดสีข้างอีกด้านหนึ่งในแบบเดียวกัน การต่อสู้ของมันว่องไวจนตามดูแทบไม่ทัน จากนั้นมันก็พุ่งเข้ากัดตรงโน้นตรงนี้จนรอบตัวช้าง ช้างมีนัยน์ตาเล็กมองอะไรไม่ใคร่จะเห็น ลำตัวก็ใหญ่หลบหลีกไม่ทัน จึงเป็นเป้าให้หมาเล่นงานข้างเดียว ในที่สุดช้างก็มีแผลเต็มตัว และเลือดไหลโทรมไปทั่ว เมื่อเลือดออกมาก ๆ ประกอบกับเวียนหัวในการวิ่งวนของหมา ช้างก็ยืนงงและชั่วครู่ต่อมาก็โงนเงนล้มตึงลงบนดิน แล้วหมอบนิ่งอยู่ตรงนั้นเอง
หลายปีต่อมา เจ้าเปริตาสตาย พระเจ้าอเลกซายเดอร์ตรัสสั่งให้ผ่าศพออกตรวจดูภายใน ว่ามีสิ่งใดแปลกกว่าหมาอื่น ๆ บ้าง มันจึงฉลาด กล้า และมีพละกำลังอย่างนั้น ยูสตาซิอุส ผู้ผ่าพิสูจน์ได้บันทึกผลไว้ว่า "...หมาตัวนี้หัวใจของมันหุ้มไว้ด้วยขน...." พระเจ้าอเลกซานเดอร์ถึงกับทรงสร้างนครไซโนโปลิส (CYNOPOLIS) ไว้่เป็นอนุสรณ์แก่หมาตัวนี้ทีเดียว....
เมื่อคนเราได้เลี้ยงหมามาเป็นเวลาช้านาน ก็มีผู้สังเกตว่า เราอาจจะอ่านนิสัยของคนได้จากหมาที่เขาเลี้ยง ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้
๑. ชอบเลี้ยงหมาตัวใหญ่นิสัยดุ จะเป็นคนที่มีเสน่ห์และอันตราย มีแนวโน้มไปในทางชอบความรุนแรง บางคนอาจเลยไปถึงขนาดมีความสุขที่ได้เห็นความเจ็บปวดของผู้อื่น แต่บางครั้ิงตัวเองก็ชอบที่จะได้รับความเจ็บปวดเช่นกัน ความปราถนาอันเร้นลับของผู้ที่ชอบเลี้ยงหมาประเภทนี้จะดุร้ายและมีอันตรายเช่นเดียวกับหมาของเขา
๒. ชอบเลี้ยงหมาตัวใหญ่นิสัยสุภาพ เป็นหมาเชื่องสามารถฝึกให้ดูแลฝูงสัตว์ ช่วยเหลือคนในกิจการต่าง ๆ ได้ง่าย จะแสดงถึงความเป็นคนรักบ้าน รักความสุภาพและมีเสน่ห์แบบนุ่มนวนเป็นเห็นคุณค่าของความสงบสุขและความเงียบ การกระทำที่เกินขนาดทุกรูปแบบจะทำให้ผู้ที่ชอบเลี้ยงหมาแบบนี้หมดความรู้สึกเสียมากกว่าจะอยาดรู้อยากเห็น
๓. ชอบเลี้ยงหมาขนาดเล็ก แสดงว่าในส่วนลึกของจิตใจเล็งเห็นว่าตนเองเป็นคนบอบบาง ละเอียดอ่อน ต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างมาก ไม่ความจอแจของสังคมในเมือง ชอบทำตัวให้มีเสน่ห์ด้วยความสะอาดเอี่ยมเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงของตน
๔. ชอบเลี้ยงหมาที่ใช้ในการกีฬา เป็นหมาที่ปราดเปรียวแต่ไม่ดุร้าย แสดงถึงความเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายโดยเฉพาะเจาะจง มีอุดมคติ การนอนแช่อยู่บนเตียงในตอนเช้า ไม่ใช่นิสัยของคนแบบนี้
๕. ชอบเลี้ยงหมาพันธุ์ผสม แสดงถึงการเป็นคนชอบทำต้วธรรมดา ๆ แต่มักจะคบคนและเลือกคู่ที่มีบุคลิกลักษณะดีและมีเอกลักษณ์ของตนเองเป็นสำคัญ ชอบความแปลกใหม่ เพราะหมาพันธุ์ผสมแต่ละตัวย่อมเป็นตัวแรกในสายเลือดใหม่ของมันเสมอ
อย่างไรก็ดี แม้ว่าหมาจะมีนิสัยดีมาแต่เดิม แต่ถ้าได้รับการเลี้ยงดูและการฝึกจากนายที่โหดร้ายมานานเป็นปี ๆ มันก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ ดังเช่นในกรณีของพระเจ้าเอ็ดเวอร์ดที่ ๓ ครั้งที่พระองค์อยู่ในวัยหนุ่มนั้น ได้รับคำสรรเสริญจากบุคคลทั่วไปว่าทรงมีพระกิจวัตรนุ่มนวล น่ารักเป็นที่สุด แต่เมื่อทรงมีพระชนมายุมากขึ้น กลับกลายเป็นทรงมีพระอารมณ์ขุ่นมัวและเกรี้ยวกราดเป็นนิจสิน หาคนที่รักพระองค์อย่างจริงใจไม่ได้เลย ขณะที่พระองค์กำลังบรรทมรอวาระสุดท้ายอยู่นั้น ข้างหนึ่งของพระที่ ชู้รักของพระองค์กำลังปลุกปล้ำถอดพระธำมรงค์เพชรล้ำค่าออกจากนิ้วพระหัตถ์อย่างไม่คำนึงถึงเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น ส่วนอีกข้างหนึ่ง หมาเกรย์ฮาวน์ดซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ แทนที่มันจะเศร้าสร้อย มัน กลับทำหน้าบานเข้าไปเคล้าเคลียอยู่ที่รัชทายาทซึ่งจะขึ้นมาเป็นกษัตริย์องค์ใหม่อย่างไม่ยอมห่างเลย !
เมื่อคนเราเอานิสัยไม่ดีบางอย่างของหมามาใช้ ก็มักจะถูกเรียกว่า "คน หมา-หมา" แต่เจ้าหมาของพระเเจ้าเอ็ดเวอร์ดที่ ๓ นี้ ถ้าไปเข้าฝูงของพวกมันคงจะถูกเรียกว่า "ไอ้หมา คน-คน เป็นแน่แท้ ****!!!!!!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น