มีมาตราวัดในสมัยนั้นอยู่อย่างหนึ่่ง คือการวัดลำกล้องปืนซึ่งส่วนมากเป็นปืนแก๊ป หรือเป็บปืนคาบศิลาที่ชาวชนบทเขาใช้กันเป็นประจำสำหรับการล่าสัตว์ในป่านั่นแหละ เห็นว่าแปลกดีจึงขอนำมาเขียนเล่าไว้สักเล็กน้อย เจ้าของปืนแต่ละคนจะใช้ความกว้างของหัวแม่มือของตน ทั้งมือซ้ายมือขวาวัดทาบลำกล้องปืน ตั้งแต่โคนถึงปลายกระบอกสลับกันไปโดยเอ่ยคำพูดเรียกว่า "คำสรุปปืน"
หน้าเขียงค่อม
กล่อมสมบัติ
แสนสัตว์ม้วย
ต้วยก้วยมาดาย
ตุ๋มหาย
ต๋ายเหล่าอื่น
แห่เจ้าหมื่นเมือเมอง
ผักเหลืองเต็มซ้า
แล้วกลับมาตั้งต้นใหม่จากหน้าเขียงค่อมต่อไปอีกจนสุดปลายกระบอกปืน ทีนี้พอหัวมือสุดท้ายไปตกที่ข้อความอะไรก็รู้ว่าปืนของตัวเองมีฤทธิ์มีอำนาจในการยิงสัตว์อย่างไรแค่ไหน
ถ้าตกหน้าเขียงค่อม อันนี้ดี ปืนกระบอกนี้ถ้าแบกเข้าป่าแล้วเป็นไม่ผิดหวัง ต้องได้เนื้้อได้เก้งอะไรกลับมา ก็ได้มาหั่นมาสับกันจนเขียงค่อม คือเขียงกร่อนหรือสึกไปเพราะใช้งานมากนั่นเอง
กล่อมสมบัตินี่ไม่ไหว แบกออกล่าสัตว์ไม่มีโชคไม่ได้ยิงอะไร ดีแต่สำหรับไว้เฝ้าบ้านกันขโมยเท่านั้น
แสนสัตว์ม้วย อันนี้้แหละครับปืนใครปืนใครก็อยากให้ตกหมายนี้้ บางคนถึงต้องตัดส่วนเกินตรงปลายกระบอกปืนออกให้เหลือมันตรงแสนสัตว์ม้วยนี่แหละ ก็ชื่อมันบอกอยู่ทนโท่และมีเป็นแสน ๆ ตัวก็ม้วยมรณาหมด
ต้วยก้วยมาตาย นี่แย่เอามาก ๆ ก็กลับบ้านมือเปล่าแหละครับ
ตุ๋มหาย คือ ปังหาย ปังหาย ยิงไม่ได้อะไรสักอย่าง ตุ๋มนี่เป็นเสียงดังของปืนทางเหนือเขา ทางภาคกลางปืนมันดังปัง ฝรั่งดังแป๊ง ขมุดังโต้ม ได้ยินไปคนละหู
ต๋ายเหล่าอื่น อันนี้ก็แย่ ยิงถูกเหมือนกันแต่ไปตายเสียที่อื่นหาไม่พบ ก็ครือ ๆ กับตุ๋มหายแหละครับ เพียงแต่ยิงถูกแต่ไม่ได้กิน
แห่เจ้าหมื่นเมือเมือง เห็นจะเป็นปืนของพวก บอดี่การ์ด ติดตาม เจ้าขุน เจ้าหมื่น เข้าไปในเมืองอะไรทำนองนั้น ล่าสัตว์ไม่ได้ผล
ผักเหลืองต็มซ่า ใช้ได้ ก็จะเอาผักที่ในตระกร้าออกมาแกงทีไรผัวหาบเนื้อกวางเนื้อเก้งเข้าบ้านมาทุกที จนผักเหลืองไปหมด ได้แต่กินลาบกินแกงเนื้อว่างั้นเถอะ
Chanpa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น