เรื่องทุกเรื่องเป็นอดีตไปหมดแล้ว เกิดจากความจำ เกิดจากอารมณ์ขำ อ่านแล้วไม่เครียด อ่านแล้วขำลึก ๆ นึกขึ้นมาที่ไรก็เบิกบานทุกครั้ง
วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ผู้หญิงอักษร "ม" ตอนที่ ๒
ผู้หญิงอักษร ม. คนที่ ๒ ที่ผ่านเข้ามาในความคิดคำนึงของผม
คือ...... พระนาง มารี อังตัวเนต พระราชธิดาในพระเจ้า ฟรังชัวส์ ที่ ๑ และ มารี เทเรส แห่งออสเตรีย ลองนึกภาพฉากในเทพนิยายสักเรื่องหนึ่ง ที่เจ้าหญิงเดินทางมาจากออสเตรียพร้อมข้าทาสบริวารในรถม้าสีทองเหมือนซินเดอเรลลา เสียงปี่เสียงกลองมโหรีบรรเลงกันอย่างกึกก้อง สาวสวยมากอายุเพียง ๑๔ ก้าวลงมาจากราชรถท่ามกลางเสียงปรบมือดังสนั่น สาวน้อยคนนั้นแต่งตัวสวยมากหน้าตาหน้ารัก ตาสีฟ้า
ผมสีบลอนด์ ลงมาถวายบังคมพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๕ แต่แต่งจริง ๆกับรัชทายาทองค์โตซึ่งในเวลาต่อมาจะขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้า หลุยส์ที่ ๑๖
องค์รัชทายาทไม่มีอะไรน่ากล่าวถึงเป็นพิเศษนักนอกจากชอบทานขนมเค้กและโปรดการล่าสัตว์มากเป็นพิเศษ ยังไม่รวมถึงท่าทางที่เงอะงะและนอนกรนดังไปสามบ้านแปดบ้าน มารี อังตัวเนต จึงอดไปเฟลิ้ตกับ เอ็กซ์ เซล เฟอเซ็น ไม่ได้ เฟอเซ็นเป็นหนุ่มน้อยรูปงาม ข้าราชการเชื้อสายสวีดีช แต่มารี อังตัวเนต พยายามหักห้ามใจไว้ไม่ให้มีอะไรพิเศษเกินเลยไปกว่าที่เคยเป็น
ต่อมาใน ค.ศ. ๑๗๗๔ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๕ สิ้นพระชนยส์ลงพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๖ จงขึ้นครองราชสมบัติเมื่ออายุ ๑๙ และ มารี อัง ตัวเนต ก็กลายเป็น พระนางมารี อังตัวเนต ที่มีอายุน้อยนิดเพียง ๑๘ ชันษา การที่ต้องอยู่กินกับคนที่ไม่รักอาจจะทำให้หาทางระบาย ดังนั้น พระนางมารี อังตัวเนต จึงรักสิ่งสวย ๆ งาม ๆ และทรงโปรดแต่งฉลองพระองค์ประดับอัญมณีหรูหราที่สุดเหนือราชวงศ์ยุโรปอื่น ๆ ในช่วงศตวรรษที่ ๑๘ และโปรดงานเต้นรำในราชสำนักที่จัดให้มีขึ้น ณ ห้องกระจก พระราชวังแวร์ซายเป็นที่สุดโดยไม่นำพาต่อความทุกข์ยากของประชาราษฎร์ พระนางมีฉลองพระองค์ใหม่ ๆ ปีละไม่ตำ่กว่าร้อยชุด และยังชอบออกไปขี่ม้า เล่นการพนัน ดูละคร เงินทองก็หมดไปกับการตกแต่งพระราชวังและสวน
พระนางมารี แองตัวเนต ให้กำเนิดพระราชบุตรองค์แรกในปี ๑๗๘๑ ประชาชนชื่นชมยินดีเป็นกันมากมีการเต้นรำไปมาบนท้องถนนตลอดทั้งคืน การยิงสลุตจุตพลุไฟได้ยินกันดังสนั่นไปทั่ว แต่ต่อมาเมื่อพระนางมารีไม่ลงรอยกับขุนนางอาวุโสจึงเริ่มส่อเค้าว่าจะมีการกบฏเกิดขึ้น ตำแหน่งไหนที่กุมผลประโยชน์หรือเป็นแหล่งตักตวงเงินทองพระนางก็ทรงไปยกให้กับขัาเก่าเต่าเลี้ยงบริวาลสนิท ๆ ไปจนหมดสิ้น
พระราชินี เริ่มทรงตระหนักแล้วว่าตนนั้นเป็นที่เกลียดชังของประชาชน เงินในท้องพระคลังก็ร่อยหรอลงมาก ในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๗๘๙ คุก บาสติล ถูกทำลายลง ในวันทีร่ ๕ ตุลาคม ขณะที่พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๖ กำลังล่าสัตว์อยู่ตามปกติได้มีม้าเร็วควบมาจากกรุงปารีสมุ่งหน้ามาพระราชวังแวร์ซาย รายงานด่วนว่าประชาชนกำลังมาบุกพระราชวังแวร์ซายแล้วฝูงชนตากฝนมายืนติดพระราชวังร้องขอขนมปังและตระโกน
เรียกชื่อพระนางมารี อังตัวเนต อย่างเดือดดาลมากพระนางหมดอาลัยตายอยากในชีวิตจึงเข้านอนตอน ๒ ยาม ทิ้งให้กองทหารจัดการไปตามสมควร เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นกองกำลังประชาชนบุกเข้าพระราชวังได้ และจับทั้งสองพระองค์ไปขังอยู่ในพระราชวังเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในกรุงปารีส (สาเหตุอีกประการหนึ่งคือการเก็บภาษีมหาโหดของทางการที่ทำให้ฝรั่งเศส ล่มจม เหมือนเมืองไทยในสมัยนี้ถ้าไม่รีบแก้ไขก็ไม่นานเกินรอแน่นอน)
หนุ่มน้อยผู้มีแต่รักแท้และซื่อสัตย์คนเดิมคือ เอกซ์เซล เฟอเร็น ได้นำรถม้าพาทั้งสองพระองค์หนี แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ถูกจับได้ระหว่างทาง จึงถูกนำต้วกลับมาที่ปารีสอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับการจองจำด้วยมาตราการที่เข็มงวดมากขึ้น พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๖ ถูกนำไปประหารชีวิตภายใน ๒๔ ชั่วโมง หลังจากนั้น พระนางมารี อังตัวเนต ก็ถูกนำตัวไปคุมขังอยู่ได้ระยะหนึ่งแล้วก็สิ้นพระชนม์ตามสวามีไปด้วยเครื่องกิโยตินเช่นเดียวกัน โลกจึงรู้จักพระนางในฐานะเป็นหนึ่งในสิบของพระราชินีที่สวยที่สุดในโลก
ยังจบไม่ลงครับ
______________________
Chanpa
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น