วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

น้ำกลิ้งบนใบบอน โธ่เว้ยความรัก



                                                          น้ำกลิ้งบนใบบอน


ข้าพเจ้ามีเพื่อนคนหนึ่ง  ไปหลงรักสาวที่มีอายุใกล้เคียงกันมาก เกิดปีเดียวกันเดือนเดียวกันจะต่างกันก็คือวัน หล่อนเกิดวันเสาร์  ่วนไอ้เพื่อนผมเกิดวันพุธ  ผู้หญิง ๑๖ ปีเต็มและย่าง ๑๗ ปี  โบราณว่าผู้หญิงเป็นสาวไวและเร็วกว่าผู้ชาย อันนี้คงจะจริง  ผู้หญิงเป็นสาวเต็มตัวแล้ว เพื่อนผมบางครั้งยังแก้ผ้าเล่นน้ำอยู่เลย และกระเดียดไปทางปัญญาอ่อนเล็กน้อยด้วยซ้ำ  วันหนึ่ง ผู้หญิงได้บอกแก่เพื่อนของข้าพเจ้าว่า  คุณแม่ได้ขอร้องแกมบังคับให้หล่อนแต่งงานกับชายหนุ่มค่อนข้างแก่คนหนึ่ง อายุประมาณ ๓๕ ปี  เธอจะไม่ย่อมก็ไม่ได้  เจ้าเพื่อนปัญญาอ่อนของผมได้พาคู่รักของมันมาหาข้าพเจ้า  คนทั้งสองได้จุดธูป แต่ไม่มีเทียนและดอกไม้ สาบานกันต่อหน้าข้าพเจ้าซึ่งนั่งอี้  และเขาทั้งสองนั่งอยู่กับพื้นน้ำตานองหน้า  เพื่อนของข้าพเจ้าสาบาลว่าจะไม่มีเมีย  จะพยายามก่อร่างสร้างตัว  แล้วจะไปรับคู่รักของเขากลับมาแต่งงานกันโดยไม่คข้าพเจ้าจำคำสาบานของคนทั้งสองได้อย่าแม่นยำว่า  เขาทั้งสองจะรักกันมั่นคงตลอดไป  ำนึงถึงอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น   ส่วนคู่รักของเขาก็สาบานว่า  แม้ตัวของเธอจะอยู่กับชายคนนั้นอันเป็นสามี  แต่หัวใจของเธอจะยังอยู่กับเพื่อนของข้าพเจ้าเสมอและว่าแม้ตัวจะต้องตกเป็นของชายอื่น  ชายนั้นก็จะได้แต่ตัวเท่านั้น  หัวใจหาได้ไปด้วยไม่  คนทั้งสองจะดำรงชีพอยู่ด้วยความหวังอันแน่นแฟ้นว่า  สักวันหนึ่งจะได้ครองรักร่วมกัน  ทั้งนี้  โดยมีข้อแม้ว่า  จะต้องไม่พยายามสมคบกันฆาตกรรมชายคนนั้นซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรใด ๆ ทั้งสิ้น  เพราะหมอนั่นก็ถูกแม่อันดุร้ายบังคับให้แต่งงานเหมือนกัน



วันแต่งงานของผู้หญิงคนนั้น   เพื่อนของข้าพเจ้าหลบหน้าไปอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่ง (คงจะไม่ใช่เกาะกลางถนนเพื่อคิดโดดให้รถประทับร่างหรอกครับ) แถวสัตหีบ  ส่วนข้าพเจ้าได้รับเทียบ (บัตรเชิญ) ไปในงานเลี้ยงฉลองสมรสของเธอ ซึ่งจัดเป็นงานใหญ่มาก ๆ (ในสมัยเมื่อ ๓๐ กว่าปีที่ผ่านมาในอดีต) ตั้งโต๊ะจีน ๓๐ โต๊ะ มีอาหารดี ๆ ทั้งนั้น



ข้าพเจ้าเคยพบคู่รักของเพื่อนข้าพเจ้าสองสามครั้งได้ทราบว่ามีความสุขสบายดี ดูไม่เหมือนกับคนที่ผิดหวังในเรื่องคู่ครองแต่อย่างใด  ครั้งแรกที่พบกันกับเธอ ๆ ยังพูดถึงเพื่อนของข้าพเจ้าอยู่
แต่พอครั้งต่อ ๆ มาไม่ได้พูดถึงเลย  แต่พูดถึงลูกทั้งสองคนของเธอด้วยความรักความเอ็นดูอย่างมีความสุขสุดซึ้ง  และพูดถึงสามีด้วยความหมั่นใส้พอประมาณ  เธอบอกข้าพเจ้าว่ารู้สึกเบื่อหน้าหมอนั่นมาก  แต่ข้าพเจ้าทราบว่าเธอหมายความว่าไม่เบื่อ  เพราะเวลาที่พูดว่าเบื่อนั้น  ดวงตาของเธอเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างลึกล้ำทำให้ข้าพเจ้ารำพึงว่า


"โถ.....เจ้าพจน์เอ๊ย...คำสาบานของเอ็งไร้ค่าและความหมายเสียแล้ว" เพื่อนคนนี้ของข้าพเจ้าเป็นลูกชายของนายพจน์  พวกเราจึงพากันเรียกชื่อพ่อของเขาเพื่อเป็นเกียรติยศแก่เขา  เพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับข้าพเจ้านั้นเรียกชื่อพ่อของกันและกันจนเ้ปรอะไปหมด  แทบจะลืมชื่อจริงของเพื่อนด้วยซ้ำไป   บางทีก็ผ่าไปเรียกชื่อพ่อของเพื่อนต่อหน้าแม่เพื่อน  ทำให้ต้องวิ่งหนีกันจนลิ้นห้อยพอประมาณ  แต่ข้าพเจ้ากับเพื่อน ๆ  หลายคนเคยเห็นผีตนหนึ่งพร้อม ๆ กันที่ข้างบังกะโลบางแสน  ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ  ทุกคนเห็นว่าลิ้นของผีแลบยาวออกมาจนถึงลิ้นปี่แล้วผีก็เดินเกาัะฝาบังกะโลนั้นหายไปทางข้างหลัง  พวกเราพากันสวดมนต์ ๓ จบแล้วชวนกันไปดููก็ไม่เห็นใครแอบอยู่แถวนั้น  และไม่มีที่จะหลบซ่อนตัวได้ด้วย  ใครที่พอจะกรวดน้ำเป็นก็กรวดกันไป


วันหนึ่งลูกตาพจน์ซึ่งหายหน้าค่าตาไปหลายปี  ได้กลับมาพบกับข้าพเจ้าที่บ้าน เขาทำหน้าพิลึกเมื่อถามว่า  ข้าพเจ้ายังอยู่แบบนี้อีกหรือ

หัดซื้อมุ้งมากางนอนบ้างหรือยัง  เห็นใช้แต่ยากันยุงจุดไว้ใต้ที่นอนตามที่เคยเป็นมาตลอดเวลา หลายสิบปีหรือ  ข้าพเจ้าก็พยักหน้าและ ส่งเสียง ออ ๆ อือ ๆ ไปตามเรื่อง  เพราะเพื่อนสนิทที่จากท่านไปนานตั้ง ๔๐ ปี แล้วกลับมาพบกันใหม่เพียงไม่กี่นาที  ท่านจะทราบได้อย่างไรว่าเขา เป็นบ้าหรือเปล่า  เพราะฉะนั้น  การพูดน้อยหรือไม่พูดเลยเป็นดีที่สุด

 เขาเล่าว่า

"ที่อั้วมาหาลื้อคราวนี้  ก็เพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีต่อคำสาบานระหว่างอั้วกับสุดา (คู่รักของมันซึ่งแต่งงานไปนานแล้ว) อั้วจำได้ว่าวันนั้นอั้วกับสุดาจุดธูปเทียนสาบานกันต่อหน้าลื้อเพื่อให้ลื้อเป็นทิพย์พยานความรักอันอภิมหาอมตนิรันดร์กาลของเราทั้งสอง   วันนี้อั้วมาอย่างผู้ชนะ....มาอย่างผู้ที่เหยียบโลกไว้ภายใต้อุ้งเท้า  อั้วจะขอร้องให้ลื้อช่วยติดต่อกับสุดา  ว่าบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้ไปอยู่กินร่วมกันอย่างที่เราฝันร่วมกันไว้  ลื้อจะช่วยหรือไม่ช่วยก็ให้ว่ามา" 



ข้าพเจ้าพานายมนต์ชัย (ลูกชายตาพจน์ ) ไปที่บ้านสามีของสุดา  และแสดงความจำนงแก่คนใช้ของบ้านนั้นว่า  ต้องการพบนายผู้หญิงของเขา  คนรับใช้คนนั้นก็ร้องบอกคนรับใช้อีกคนหนึ่ง  ว่า   "ไปบอกอี๊ว่ามีคนมาหา"  "อี๊นอนหลับ.....เมื่อคืนนี้เล่นไพ่จนดึก....คงปลุกไม่ได้หรอกประเดี๋ยวบ้านแตก"


คนรับใช้คนแรกจึงขึ้ไปปลุกเอง   สักครู่หนึ่ง  สุดาก็เดินมาที่ห้องรับแขกที่เรานั่งรออยู่  เธอไหว้ข้าพเจ้าโดยไม่จำเป็น  แต่ก็ทำให้ข้าพเจ้าสบายใจมาก  เธอถามข้าพเจ้าว่ามาเยี่ยมหรือ  หรือว่ามีธุระอะไรที่จะให้เธอรับใช้  ข้าพเจ้าจึงบอกเธอว่า  นายมนต์ชัยมาเยียม


"มนต์ชัยไหนคะ" 

"ก็ไอ้คนที่ผมเรียกมันว่าตาพจน์นั่นแหละเพราะพ่อของมันชื่อพจน์  เมื่อหลายสิบปีมาแล้วมันกับคุณเคยจุดธูปเทียน(มีเทียนหรือเปล่าข้าพเจ้าไม่แน่ใจ)อธิษฐานสาบานต่อหน้าผมว่า  จะรักกันไปตราบชีวิตหาไม่  แม้คุณจะแต่งงานกับเฮียมัีนก็จะรักคุณ  และจะรอวันที่คุณเป็นอิสรภาพ  ส่วนคุณเองก็สาบานต่อหน้าผมและมันว่า  แม้กายของคุณจะตกเป็นของสามี  แต่หัวใจของคุณยังเป็นของไอ้พจน์มันเสมอ ด้วยเหตุนี้ผมจึงพามันมา  เพื่อทบทวนคำสาบานที่คุณทั้งสองเคยมีแก่กัน  เรื่องนอกไปจากนี้ให้คุณทั้งสองพิจารณาตัดสินใจกันเอง  ผมไม่เกี่ยว  แต่จะเป็นสักขีพยานให้พอสมควรแก่อัตภาพของผม  ขออย่างเดียวเวลาที่สามีของคุณมาพบเราอยู่ที่นี่ขออย่าให้มีเลือดตกยางออกเกิดขึ้นเลย  เพราะผมเป็นคนรักสงบ  เมื่อไม่ควรมีเรื่องก็ขออย่าให้มีจะเป็นการดี"


สุดามองหน้ามนต์ชัยอยู่ครู่หนึ่ง  ข้าพเจ้าสังเกตเห็นเธอมองที่หัวกบาลของมันด้วยเพราะหัวของมันเริ่มล้านเข้าไปบานตะโก้  และพยายามระงับใจที่จะมองดูเสื้อผ้ากางเกงและถุงเท้าของมัน  ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า


"ฉันลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวัยเด็กแล้ว  จำอะไรไม่ได้เลย  จำได้อย่างเดียวคือ  วันหนึ่งฉันตกท้องร่องที่ในสวนผัก  แล้วคุณก็ช่วยฉุดฉันขึ้นมาได้  ซึ่งฉันก็ขอบคุณอยู่เสมอ  และถือเป็นบทเรียนที่จะดูแลลูกไม่ให้ไปเล่นใกล้น้ำ  แต่เดี๋ยวนี้ฉันสบายใจแล้ว  เพราะโต ๆ กันหมดทุกคน" 


"เรื่องคำสาบานที่เ้ราเคยมีแก่กันนั้น  คุณสุจะว่าประการใด" ลูกตาพจน์ถาม  ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันกลั้นใจถาม  และเหงื่อแตกท่วมตัว

"คนเราเกิดมาย่อมมีหนทางของเราเอง  ใครจะไปนึกถึงว่าฉันจะมามีความเป็นอยู่แบบนี้  มีลูกสาวลูกชายที่ดีหลายคน ฐานะมั่งคั่งรำรวยมีเงินสดฝากธนาคารมากมาย  สมุดเล่มที่วางทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ อยู่บนโต๊ะนี่ก็มียอดเงินฝาก  ๔๐ ล้าน (ในสมัยนั้นเหมือนมี ๘๐ ล้านในสมัยนี้) พอแม่ของฉันก็ตายตาหลับเพราะไม่ต้องห่วงฉัน  แม่ผัวฉันก็ตายตาหลับเพราะฉันมีหลานชายให้ท่านถึง ๓ คน ไม่ต้องกลัวว่าท่านจะสูญพันธุ์  ฉันเองก็หวังว่าคุณก็คงมีบุตรภรรยาเหมือนกัน  และภรรยาของคุณคงจะเป็นผู้หญิงที่น่ารัก  และน่าทะนุถนอมมีลูกชายลูกสาวที่สวยงามและอยู่ในโอวาททุกคน  เรื่องราวของเราสิ้นสุดลงนับตั้งแต่ฉันแต่งงานกับเฮียเขาแล้ว  ขอให้คุณลืมฉันเสียเหมือนกับที่ฉันลืมคุณนั้นเถิด" 


มนต์ชัยลูกตาพจน์ น้ำตาไหลพราก   แต่ไม่วายบอกว่า


"ลูกเมียผมก็เป็นคนดี  เมียผมเขาดีกับผมทุกอย่าง เอาอกเอาใจสารพัด  ตัองการอะไรเป็นตัองหามาให้ ขับรถเก่ง ใจกว้าง มีเพื่อนมาก เป็นนายกสมาคมศิษย์เก่า แม้แต่ทางการก็เกรงใจเขา ตำรวจก็เป็พวกเขามากมาย ใครถูกใบสังจราจร  เขาก็ช่วยได้ทุกที....นึกถึงเขาแล้วก็สบายใจ  แต่ก็ไม่วายเสียดายความรักของเรา  เพราะเป็นรักแรกพบ"


เขาหยุดไปครู่หนึ่งเพื่อเช็ดน้ำตา  แล้วจึงว่า


"เอาเถิด  ผมจะพยายามคิดว่าชาตินี้เราไม่มีวาสนา  ขอให้ชาติหน้าเราคงได้พบกันใหม่...ตอนนี้เฮีย.....เอ้อ  สามีของคุณไม่อยู่หรือ" 


"อ๋อ...เขาไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก  เขาต้องวิ่งเต้นค้าขายขึ้น ๆ ล่อง ๆ ระหว่างกรุงเทพฯกับโลกพระจันทร์  หลาย ๆ เดือนจึงจะกลับบ้านหนหนึ่ง โดยมากก็เป็นวันตรุษจีนและวันเช็งเม้ง"


"สมควรแล้ว" มนต์ชัยกับข้าพเจ้าพูดพร้อมกันเหมือนท่องอาขยาน

เมื่อเราเดินออกจากบ้านของเธอ มนต์ชัยกล่าวว่า "อั้วว่าสุดาเขาตัวใหญ่กว่าตอนนั้นถึง ๕ เท่า ไม่รู้เธอทำอย่างไรถึงใหญ่โตขนาดนี้" 

"อั้วว่า ๗ เท่า" ข้าพเจ้าเสริม  และว่าต่อไปว่า  "ถ้าลื้อแต่งงานกับเขาตอนนั้น  ตอนนี้ลื้อคงจะต้องวิ่งเต้นค้าขายขึ้นล่องระหว่างกรุงเทพฯ  กับโลกพระจันทร์เหมือนกันแหละ" 


"ได้ยินทีแรกนึกว่าท่าพระจันทร์.....ผัวเขาก็เป็นคนที่เราน่าจะเห็นใจมาก ๆ " 


"แม้นเว้ย"  ข้าพเจ้าพูด "เอ็งน่ะโชคดีมากที่ผัวสุเขาไม่อยู่และไม่รู้เรื่องนี้  ฟังจากสุแล้วผัวของเขาเป็นคนดีมาก  ยึดมั่นประเพณี ถ้าเขาอยู่และรู้เรื่องคำสาบานนี้  เขาอาจจะยกเมียเขาให้ลื้อทันทีเลยก็ได้...เอ้อ  แล้วเมียที่แสนดกับลูก ๆ ที่อยู่ในโอวาทของลื้อน่ะมาจากไหนกันเว้ย" 


"ไม่มีหรอก...อั้วยึดมั่นคำสาบานแต่พอเห็นเขาเข้าแว่บเดียวก็รู้ว่าเขาหมดอาลัยไยดีอั๊วแล้ว ไฟสวาทของเราดับมอดสนิทไม่มีเชื้อเหลืออีกต่อไป.....โธ่เว้ยความรัก....." 


 

 เพลง "สวัสดีความรัก"   


คำร้อง : เกษม  ชื่นประดิษฐ์
ทำนอง : สมาน  กาญจนะผลิน
ผู้ขับร้อง : สุเทพ วงศ์กำแหง



เข็ดเหลือดี จบทีความรัก
เบื่อนัก ลาแล้วความรักลาก่อน
สาบแสนไกล เอือมรักไม่แน่นอน
กามเทพกะล่อน แสนปลิ้นหลอกหลอนใจ

เทพพิเรนท์ ชอบเป็นสื่อรัก
ชั่วนัก ช่างสรรความรักมาให้
แกล้งชักนำ กามเทพใจร้าย
พารักลวงมาให้ หลอนหลอกได้กลัวใจจริง

จบเกมส์เสียที หนีไกลแสนไกล
ห่างสิ้นกลิ่นไอ ไกลสาปผู้หญิง
เจ็บนัก เจอะแต่รักไม่จริง
รักจากปากผู้หญิง เหมือนน้ำกลอกกลิ้งอยู่บนใบบอน

สาปเหลือใจ กลิ่นไอความรัก
เกลียดนัก สวัสดีความรักลาก่อน
อยากหนีหน้า โจนเข้าป่าดงดอน
หนีรักจอมกะล่อน รักปลิ้นปลอนเกมส์กันที

                                                                                                             Sampan Chanpa

                                     ___________________________________


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น