วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

เจ๊กหัวเราะ ๓



                                       เจ๊กหัวเราะ ๓


ผ่านสายตาท่านผู้อ่านไปสองท่าน  คราวนี้มาถึงท่านที่สามในสมัยราชวงศ์ซ้อง   รัชกาลพระเจ้าจินจงฮ่องเต้  เจ๊กท่านนี้เป็นขันที  สังกัดราชสำนักฝ่ายใน  แซ่ตัน ชื่อหลิม มีความซื่อสัตย์สุจริตไว้ใจได้


เมื่อพระเจ้าซ้องจินจงฮ่องเต้    เสด็จราชการสงคราม  เล่าฮองเฮาเมียหลวงประสูติราชธิดา
ลีกุยฮุยเมียน้อยประสูติราชโอรส   แล้วก็เกิดกการอิจฉามารศรีกันขึ้น  ตามธรรมเนียมราชสำนักฮ่องเต้  เพราะเล่าฮ่องเฮาเมียหลวงเกรงว่า  ต่อไปลูกเมียน้อยจะได้เป็นกษัตริย์  จึงคิดกำจัดเสียแต่ต้นมือ


ขันทีคนหนึ่งชื่อ ก่วยหวย (ถ้าเป็นหนังจีนกำลังภายในต้องออกเสียงว่า กั๊วหวาย  หรือ  กั๊วไหว ) ยอดกังฉินให้ความร่วมมือ  ใช้แมวตายไปเปลี่ยนเอาราชโอรสให้นางกำนัลชื่อโขวหนึง
นำไปโยนบ่อ  แต่นางโขวหนึงทำไม่ลง  กลับมอบให้ตันหลิมขันทีพระเอกของเรา แอบไปฝากเจ้านายชั้นผู้ใหญ่เลี้ยงไว้


เรื่องเงียบไปยี่สิบกว่าปีเศษจนเปลี่ยนแผ่นดิน  เป็นพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ ( ซ้องจินเป็นเตี่ย ซ้องยินเป็นลูก อย่าสับสน) ความจึงปรากฏขึ้นโดย เปาบุ้นจิ้น  ได้ข้อมูลมาใหม่และทูลพระเจ้าซ้องยินฮ่องเต้ ให้ทรงทราบ  จึงเกิดการชำระคดีลึกลับนี้


กวยหวยขันทีจอมโหด   ขณะนั้นอายุค่อนร้อยเข้าไปแล้ว  มีตำแหน่งใหญ่โตในราชสำนักเป็นถึง "มหาขันที" ตกเป็นจำเลยในคดี  แต่เจ๊กชราคนนี้ปากแข็งยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง  แม้จะถูกเฆี่ยนตีทรมานสาหัสก็ไม่ยอมรับ  แถมยังพูดอวดดีว่า  ถ้าพระยาเงี่ยบเล่าอ๋อง  คือยมบาลถามจึงจะบอก


เมื่อจำเลยชี้ช่องทางดังนั้น  การชำระคดีแบบในหนังไทยเรื่องภิภพมัจจุราชจึงเกิดขึ้น  โดยพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้แต่องค์เป็น เงี่ยบล่ออ๋อง  เปาบุ้นจิ้นปลอมเป็นนายทะเบียนเมืองนรก เป็นผู้ซักถามปรากฎว่าได้ผล  กวยหวยยอมรับเป็นสัตย์เพราะกลัวกระทะทองแดง (เรื่องแบบนี้ใช้ในเมื่องไทยในปัจจุบันไม่ได้แน่ เพราะนัก (การเมือง)เลงใหญ่ไม่เกรงกลัวกฎหมายแต่เชื่อเถอะพวกนี้สดุดตีนตัวเองตายเองพวกอายุมาก ๆ กลัวแม้กระทั้งการนอนหลับ กลัวจะไม่ตื่น)


พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้  รับสั่งให้ประหารชีวิตกวยหวย  โดยให้ตันหลิมขันทีไปนั่งเป็นประธานที่แดนประหารด้วย ตันหลิม  ซึ่งได้ดีเมื่อแก่ คืออายุ ๙๒ ปี  ได้รับแต่งตั้งเป็น เกาเชยเกาส่วย  "มหาขันที" มีอำนาจบังคับบัญชาขันทีทั้งหมด


เมื่อกวยหวยถูกตัดคอแล้ว   ตันหลิมก็ได้บรรลุสัจธรรมว่า  คนที่มีตำแหน่งหน้าที่ยศศักดิ์ใหญ่โตอย่างกวยหวยควรจะรู้จักพอ  ถ้าจิตใจต่ำทรามประพฤติมิชอบมักต้องตายโหงด้วยคมอาวุธ  ถ้าคิดดีคิดชอบ อย่างเราคงถาวรวัฒนาไม่พบจุดจบแบบนี้



ตันหลิมนั่งคิดภาคภูมิใจหัวเราะฮา ๆ ได้ไม่กีฮา  ก็ขาดใจตายคาเก้าอี้  ซึ่งเป็นการตายแบบหัวเราะชอบใจ  เรียกว่าตายสบายได้แบบหนึ่ง


เกล็ดเล็กเกล็ดน้อน เกี่ยวกับ ตันหลิม



โจโฉ นักการเมืองเด่นดังในสมัย สามก๊ก ไม่เพียงแต่สันทัดในงานขีดเขียนหากยังสามารถรวบรวมบรรดานักประพันธ์ที่มีฝีมือดีไว้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนที่เคยคัดค้านท่านด้วย

ตันหลิมก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนนั้น

ตันหลิมเป็นเสมียนของอ้วนเสี้ยว ขุนศึกที่มีความทะเยอทะยานและมีกำลังพลใหญ่โตที่สุดในสมัยนั้น ความเติบใหญ่ของโจโฉยังความหนักใจมากแก่อ้วนเสี้ยว จึงคิดจะจำกัดโจโฉเสีย

อยู่มาวันหนึ่งอ้วนเสี้ยวให้ตันหลิมเขียนประกาศกล่าวโทษโจโฉฉบับหนึ่ง

ตันหลิมทำตามคำสั่งของอ้วนเสี้ยว เขียนประกาศดังกล่าวเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วด้วยสำนวนโวหารอันคมคาย ประณามโจโฉจนไม่มีชิ้นดี รวมทั้งบรรพบุรุษของโจโฉด้วย

โจโฉมีโรคปวดศีรษะเป็นประจำ ขณะที่พวกบริวารนำเอาหนังสือกล่าวโทษที่ตันหลิมเขียนขึ้นนั้นมาให้อ่าน ก็ตรงกับเวลาที่โรคปวดศีรษะของโจโฉกำเริบพอดี โจโฉจึงต้องนอนอ่านบนเตียง

เนื่องจากบทความนั้นเขียนได้ดีมาก โจโฉยิ่งอ่านก็ยิ่งตื่นเต้น ศีรษะก็พลอยหายปวดไปด้วย จึงยืนขึ้นมาแล้วพูดว่า

"เขียนได้ดีมากๆ ทำเอาโรคปวดศีรษะของข้าพลอยหายไปด้วย"

พออ่านไปถึงตอนที่ตัวเองถูกด่าเจ็บๆ โจโฉก็โกรธเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรก็ยังนิยมชมชอบลีลาการเขียนของตันหลิม และรู้สึกเสียดายที่คนดีๆ อย่างนี้ต้องไปรับใช้อ้วนเสี้ยว

เหตุนี้เอง เมื่อโจโฉพิชิตอ้วนเสี้ยวได้ก็ส่งคนไปหาตัวตันหลิมมาใช้งานโดยไม่ถือโทษ ทั้งยังให้ทำหน้าที่ยกร่างเอกสารสำคัญๆ ของทางราชการ ต่อมาโจโฉเคยถามตันหลิมว่า "เมื่อครั้งที่ท่านเขียนหนังสือกล่าวโทษข้าน่าจะกล่าวโทษข้าแต่ผู้เดียวก็พอแล้วไฉนจึงลามปามไปถึงท่านพ่อท่านปู่ของข้าด้วยเล่า"

ตันหลิมหน้าแดงและตอบว่า "ขณะนั้นข้าน้อยอยู่ใต้บังคับบัญชาของอ้วนเสี้ยวเขาสั่งให้ข้าน้อยเขียนก็ต้องเขียนประหนึ่งลูกธนูขึ้นสายเต็มเหนี่ยวจำต้องยิงออกไป"

โจโฉเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะดังก้อง ความใจกว้างของโจโฉทำให้ตันหลิมยิ่งตื้นตันใจหลังจากนั้นโจโฉก็มิได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย





                                                                                                           Sampan Chanpa

                                                                ___________________________________________________________

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น