วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

เจ๊กหัวเราะ บทสุดท้าย

                             เจ๊กหัวเราะ บทสุดท้าย


ต่อไปนี้เป็นเจ๊กท่านสุดท้าย  สมัยราชวงศ์เหม็ง  เกิดในรัชกาลพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ และได้เข้ารับราชการเมื่อพระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ครองแผ่นดิน  ได้ต่อสู้ชีวิต ตกระกำลำบากอยู่นาน สอบแข่งขันเข้ารับราชการหลายครั้ง  แต่ก็ไม่เคยได้ตำแหน่งเพราะพวกทำหน้าที่ ก.พ. สมัยนั้นรีดเอาเงินไม่ได้

แต่อาศัยที่เป็นคนมีความรู้  และมีโอกาศเป็นทนายให้ครอบครัว ตระกูลเตีย  ชนะคดีพวกกังฉิน  ต่อมาบุตรสาวตระกูลนั้นได้เป็นฮ่องเฮา คือ  มเหสีของฮ่องเต้  ท่านจึงได้รับการช่วยเหลือตอบแทนให้ได้เป็นขุนนาง  เรียกว่าได้เข้่าทำงานแบบมีเส้นสาย เรียกว่า "เด็กฝาก"ว่างั้นเถอะ


ท่านผู้นี้เป็นคนมีความรู้และซื่อสัตย์เที่ยงตรงพอ ๆ กับเปาบุ้นจิ้นสมัยราชวงศ์ซ้่อง เสียแต่
อุปนิสัยค่อนข้างใจร้อนและดื้อรั้นอยู่สักหน่อย  แต่ท่านก็เหมือนกับข้าราชการที่สุจริตทั่วไปไม่ว่ายุคสมัยใด  คือยากจน  เงินทองพอมีอยู่บ้างก็บริจากสร้างถนนหนทาง  บ่อน้ำสระน้ำศาลาที่พักคนเดินทาง  เรียกว่าทำกิจเพื่อส่วนรวมตลอดเวลา


อันที่จริงตำแหน่งหน้าที่ราชการของท่านตอนแรก ๆ ไม่ใหญ่ไม่โตอะไรนัก  แต่ทว่ามีความกล้าหาญสู้กับพวกกังฉิน  ซึ่งเป็นข้าราชการการเมืองระดับบิ๊ก ๆ จนตัวเองติดคุกและหวุดหวิดจะถูกประหารชีวิต


สมัยเงียมซงเป็นนายกรัฐมนตรี  มีลูกชายชื่อเงียมซือพวน  และเงียมซือพวนเป็นพวกเกย์ ชอบก่ออาชญากรรมวิตถารเป็นประจำ  ก็ถูกท่านผู้นี้ปราบเสียราบคาบ  แม้แต่ตัวเงียมซงนายกรัฐมนตรีเอง  ก็พบจุดจบด้วยการถูกประหารทั้งครอบครัวเพราะฝีมือของท่านด้วย


ทุกเรื่องที่ไม่ชอบธรรม ท่านผู้นี้จะเข้ายุ่งเกี่ยวทำความจริงให้ปรากฏตลอดมา  จนพระเจ้าแผ่นดินเกรงใจมาก  พระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ถึงกับประทานเสื้อแดงลายมังกรชื่อ "ใต้อั้งเผา"
ให้เป็นเกิยรติยศ


เมื่อพระเจ้าบั้นและฮ่องเต้ ขึ้นครองราชสมบัติต่อจากเสด็จเตี่ย ท่านผู้นี้ก็คงช่วยราชการแผ่นดินโดยไม่เห็นแก่เหนือยยาก  และด้วยความดีของท่าน พระเจ้าบั้นและฮ่องเต้  จึงพระราชทานเสื้อ "เซียวอั้งเผ่า" คือ "เสื้อมังกรห้าเล็บ"ให้เป็นเกียรติยศและทรงตั้งเป็นที่
"เซียวเบา"เห็นจะพอเทียบได้กับ "รัฐบุรุษอาวุโส"


ในการทำบุญแซยิดครบ ๑๐๐ ปี  มีขุนนางน้อยใหญ่ไปอวยพรคับคั่ง  ทั้ง ๆ ที่มิได้ออกบัตรเชิญ  และขณะนั้นท่านลาออกจากราชการไปอยู่ภูมิลำเนาเดิมอยู่แล้ว  แต่ชื่อเสียงเกียรติคุณก็มิได้ลดน้อยไปเลย


พวกที่ไปอวยพรวันเกิดต่างรินสุราคารวะท่าน  คนละสามจอกตามทำเนียมจีน  ท่านก็รับมาดืมพลางเล่าชีวิตการต่อสู้ในราชการให้ฟังว่าตั้งแต่อายุ ๒๗ ปีจนถึง ๑๐๐ ปีได้ผ่านชีวิตสำคัญ ๆ และลำเค็ญมาอย่างน่าหวาดเสียวอย่างไรบ้าง ท่านเล่าไปหัวเราะไปด้วยความเบิกบาน ในที่สุดก็หัวเราะกั้ก ๆ ไม่หยุดจนกระทั้งขาดใจตาย


เจ๊กสุดท้ายที่ท่านที่หัวเราะชอบอกชอบใจจนตายนี้ชื่อ "ไฮ้สุย"เชื้อสาบไหหลำ เป็นรัฐบุรุษอาวุโส  ในแผ่นดินใต้เหม็ง  เดี๋ยวนี้ยังมีอนุสาวรีย์อยู่ที่เกาะไหหลำครับ






                                                            _____________                                                      


Sampan Chanpa 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น