วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

แผนปฏิบัติการโหด " กัดมันดู "



                       แผนปฏิบัติการโหด  " กัดมันดู "


ณ   ริมขอบเหวเชิงภูเขาลูกหนึ่ง  ชายหนุ่มกับหญิงสาวนั่งอยู่ด้วยกัน  ขณะนั้นจะว่าเป็นเวลาเป็นเวลาไหนไม่ค่อยแน่  เพราะคนทั้งสองไม่ได้ผูกนาฬิกาข้อมือไปด้วย  แต่เขาทั้งสองก็คงจะคิดถึงเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  หรือบางทีก็ไม่คิดเสียเลยทีเดียว  เพราะเวลาย่อมไม่มีความหมายสำหรับหนุ่มสาวที่เพิ่งรักกันใหม่ ๆ  ซึ่งถ้าใครจะพยายามไปอธิบายว่า  โลกหมุนได้ก็คงไม่ฟังเสียงหรือจะไปบอกว่า  คนเรานั้นความรักจะมีความสำคัญอยู่ได้ไม่กี่วันหรอก  หลังจากแต่งงานกันแล้วไม่นาน  แทนที่สามีจะถามภริยาว่าเธอจ๋่ารักฉันไหม  เขากลับตะคอกว่า  นี่หล่อนเลิกพูดเรื่องเงินเดือนของฉันเสียทีได้ไหม


"เจติยา..."  ชายหนุ่มขานชื่อหญิงสาวเบา ๆ  แต่ก็คงจได้ยินไปถึงริมแม่น้ำพรหมบุตร เพราะที่ืนั่นเงียบเหลือเกิน


"ขา..." หญิงสาวขานรับ  "คุณเรียกดิฉันทำไมหรือคะ.....รามเกียรติ์"

ชายหนุ่มนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงกล้าพูดออกมาว่า


"หัวหน้าของผมกำลังคิดจะส่งผมเดินทางไปดินแดนแห่งใดแห่งหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักมาก่อนเพื่อเป็นภารกิจลับอย่างหนึ่ง"


"ดินแดนอะไรคะ  รามเกียรติ์....ไกลจากที่นี่เพียงไร...และพวกเขามีความเป็นอยู่กันอย่างไร...เลี้ยงวัวกันหรือไม่"


รามเกียรติ์ "โถ  เจติา...ช่างถามได้  คนที่นั่นอาจจะเลี้ยงวัว  แต่เลี้ยงไว้กินเป็นส่วนมาก  พวกเขากินทุกอย่างแม้แต่พญานาค....ถ้าหากว่าเขาสามารถจับมาได้  แต่เมื่อยังจับไม่ได้พวกเขาก็กินงูไปพลาง ๆ "


"ประเทศอะไรกันนะคะช่างมหัศจรรย์เสียจริง ๆ "  นางสาวเจติยารำพึงเบา ๆ เหมือนลมกระทบปุยเมฆที่เกลื่อนไปทั้งท้องฟ้าสีครามลงผ้า


"ประเทศไทย...ดินแดนของรอยยิ้ม"  รามเกียรติ์พยายามอธิบาย

"คนไทยยิ้มง่ายหรือคะ  รามเกียรติ์" หล่อนฉะอ้อนถาม

"อ๋อง่าย...ง่ายที่สุด....พวกเขาอารมณ์ดีมาก ๆ ประเทศของเขาไม่มีภูเขาไฟระเบิด ไม่มีแผ่นดินไหว ถึงไหวบ้างพวกเขาก็ไม่รู้สึก  ไม่มีโรคระบาด มีแต่สามสิบบาทรักษาทุกโรค ไม่มีใครอดตายมีแต่กินจนตาย  ถ้าคุณไปที่ธนาคารเพื่อขอแลกเงินหรือเบิกเงิน...แล้วพนักงานเขาขานชื่อคุณว่า คุณเจดีย์....คนเหล่านั้นจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตาม ๆ กันเพราะเห็นว่าชื่อของคุณเป็นชื่อที่น่าขบขันสำหรับพวกเขา....แต่ถ้าผมถูกเรียกชื่อดัง ๆ ว่า  มิสเตอร์รามเกียรติ์....คนอย่างน้อยสองสามคนจะปล่อยก๊ากออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย   และเงียบหายไปเหมือนตอนที่หัวเราะออกมานั่นแหละ..."



"เขาขันแม้แต่ชื่ออันเกรียงไกรอย่างคุณหรือคะ....รามเกียรติ์" หล่อนถาม

"เขาเพียงแต่มีอารมณ์รื่นเริงเท่านั้น....เป็นชนชาติที่บริสุทธิ์ที่สุด  สะอาด  อนามัยดี  พวกเขาพร้อมที่จะติดโรคเอดส์  และเป็นโรคเอดส์อย่างเต็มที่  อันที่จริงจะว่าเขาเป็นกันอยู่แล้วก็ยังได้  แต่ถ้าฉันเกิดไปติดโรคเอดส์ที่านั่น  ฉันจะไม่มีวันกล้ากลับมาหาเธอเป็นอันขาด  เจติยา....."  


"แต่ฉันก็รักเธอและพร้อมที่จะแต่งงานกับเธอ  ไม่ว่าเธอจะัเป็นโรคเอดส์หรือโรคคุดทะราดก็ตาม..
คนเราควรมีรักได้ครั้งเดียวในชีวิต (ไม่เป็นทางการเกิดจากการสุ่มบนภูเขาหิมาลัย) พระรามทรงมีสีดาแต่เพียงองค์เดียวฉันใด....ผู้ชายก็ไม่ควรมีภริยามากกว่าหนึ่งคนฉันนั้น...ยกเว้นสามารถแบ่งภาคได้"


ในห้องทำงานของมิสเตอร์รามคาน  มีโต๊ะขนาดใหญ่   สวยงามมาก  ว่ากันว่าทำด้วยไม้ใหญ่ที่ได้มาจากหิมพานต์  ลายไม้นั้นมองดูเล่นได้ทั้งวัน  เพราะจะเหมือนมีภาพน้ำตก...ภาพก้อนเมฆ...ภาพลิงรบกับยักษ์....ภาพเมขลากับรามสูร  และในที่สุด  แม้แต่ภาพการประกวดธิดาต่าง ๆ  ก็อาจจะปรากฏในลายไม้นั้นได้ถ้าจะดูกันให้ดีและมีอารมณ์ร่วมอันสุนทรีย์พอสมควร  เบื่องหลังของเขาเป็นฝาผนัง  มีแผนที่โลกขนาดใหญ่  แต่สามารถใช้วิธีกดปุ่มเพื่อเปลี่ยนแผนที่เป็นประเทศไทยที่ละเอียดที่สุด  แม้แต่เจ้ากรมแผนที่ถ้าได้ไปเห็นเข้าก็คงอดโมโหไม่ได้  


"คุณรามเกียรติ์...."  มิสเตอร์รามคานพูดด้วยเสียงดัง  หนักแน่น และแฝงไปด้วยอำนาจเร้นลับ

"ที่ผมเชิญคณมาวันนี้  ผมจะมีคำถามสำหรับคุณเพียงสองข้อเท่านั้น  ข้อที่ ๑ คุุณรู้จักกรุงเทพเมืองฟ้าอมรหรือไม่  และข้อที่ ๒ ไม่ว่าคุณจะรู้จักดีหรือไม่รู้จักเลยก็ตาม  คุณยินดีที่จะไปที่นั่นไหมถ้าผมจำเป็นต้องส่งคุณไป..."


รามเกียรติ์ก้มหน้าดูพรมที่ปูพื้นห้อง  ซึ่งเป็นรูปพระฤาษีกำลังผ่าท้องแพะ  และพยายามบรรจุเด็กคนหนึ่งเข้าไปหรือพยายามจะนำเด็กออกมาก็ยากที่จะเดาได้  ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นพูดด้วยเสียงอ่อนเพลียละเหี่ยใจว่า


"ผมไม่มีทางเลือกเลยหรือครับบอส....ในเมื่อคนทั้งแผนก ๒ นี่บอสเจาะจงเลือกผมคนเดียวเท่านั้น..ไม่มีคนอื่นเลยหรือ...ผมเองก็ไม่อยากจะพูดออกมาหรอกว่า  บอสประสงค์ที่จะให้ผมห่างจากมาดาม มาดมัวแซล เจติยา...น้องสาวของบอสเท่านั้นเอง"


"คุณรามเกียรติ์...เจติยาน้องสาวผมน่ะอายุยังไม่ถึง ๑๓  ขวบนะคุณ..ดูตาม้าตาเรือบ้างซิคนเรา...อย่าให้เข้าตำราที่ว่า  ความรักทำให้คนมืดมน..."


"ภารกิจของผมคืออะไรและมีกำหนดเวลานานสักเท่าไร...รามเกียรติ์ถามอย่างสิ้นหวังในการต่อรองใด ๆ ที่จะไม่ต้องไปจากบ้านของเขา  เขารักและคิดถึงเจนติยามาก  แต่ก็พยายามนึกว่าถ้าเขากลับมาอีกครั้งหนึ่ง  เธออาจจะเป็นสาวมากกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้ก็ได้ และเมื่อถึงตอนนั้นแล้วสมาคมผู้พิทักษ์สิทธสตรีจะกระโดดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างเต็มที่ถ้าหากพี่ชายของเธอขัดขวางการแต่งงานของเรา


รามคาน  "ไม่นานเลย...เราทราบมาว่า  มาดาม ปูดองม็องดูซ์ญ่า...กำลังพยายามเข้าไปมีบทบาท
เกี่ยวกับการกู้เงิน ๒. สอง ล้าน ๆ บา ของประเทศตัวเองแล้วเอาไปขุดคลองเชื่อมระหว่างทะเลอันดามันกับอ่าวไทย...ซึ่งถ้าการขุดคลองนั้นสำเร็จ อ่าวมะตะบันทั้งหมดจะกลายเป็นแผ่นดิน...ไม่มีน้ำ ไม่เป็นทะเลอีกต่อไป...ภารกิจของคุณคือขัดขวาง ปูดองม็องดูซ์ญ่า  มิให้เขาประมูลการขุดคลองนั้นสำเร็จเท่านั้น..."


รามเกียรติ์  "ผมจะไปทำอะไรได้สักกี่มากน้อยในเมื่อเรื่องนี้มี มาดามปูดองม็องดูซ์ญ่า  เกี่ยวข้องอยู่ด้วยทั้งคน....ผมเชื่อว่าบอสก็ต้องทราบดีว่าแกเป็นคนขนาดไหน"


"พูดเป็นบ้าไปได้  ผมจะรู้ได้อย่างไรว่ายายแม่เสือนี่น่ะขนาดไหน แต่อย่างไรผมคิดว่าคุณเอาอยู่
....คนอื่น ๆ เกือบทั้งกรมอาจจะรู้เท่า ๆ กับที่ผมไม่รู้...ไม่ว่าจะเอาตัวผมไปสาบานที่หน้าวัตถุโสด
หรือทีมหาเจดีย์ชะเวดากองก็ตาม...แต่ถึงอย่างไรคุณก็ต้องไปกรุงเทพฯ  แม้ว่าไปแล้วจะไปติดเชื้อเอดส์ก็ต้องไป...."


"มีเอเย่นต์ของเราอยู่ในกรุงเทพฯหรือ..." รามเกียรติ์ถาม

"ไม่ต้องวิตก...เมื่อไปถึงท่าอากาศยานหนองงูเห่า  ท่าอากาศยานดอนเมืองตอนนี้น้ำท่วมเครื่องบินไม่สามารถบินลงได้ คุณจะพบกับเง็ก แล้วเง็กจะบอกคุณเอง"


"เหวย.."รามเกียรติ์ครางเบา ๆ "เง็กคืออะไร...คงไม่ได้หมายถึงหมาพันธุ์ไทยนะครับ นี่ผมจะไปพบสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ไม่ปรากฏในทำเนียบสิ่งมหัศจรรย์หรืออย่างไร...ถ้าเง็กเป็นชื่อคน...ผมควรรู้ว่ามีความหมายว่าอย่างไร"


"เตี่ยของเง็กอาจจะอธิบายได้...."รามคานอธิบาย

" เตี่ย .." รามเกียรติ์ร้องเหมือนถูกแทงด้วยตรีศูลตรงลิ้นปี่พอดี

"แปลว่าอะไรอีกล่ะทีนี้...มีศัพท์แสงใหม่ ๆ มากเหลือเกิน  หัวหน้าอย่าบอกผมนะว่า  คำว่าเตี่ยแปลว่าเมีย...."


รามคานบอสใหญ่ที่สุดของตำรวจลับของแค้วนไกรลาสปุระ  ให้โอวาทปฏิบัติการแก่ลูกน้องของเขาว่า  "หัวใจของเราคือ  เราต้องทำตามมหาสัจจา  คือ ถ้าเมื่อไรเราสงสัยว่าใครจะเป็นศัตรู เมื่อนั้น  เราต้องทำให้รู้ด้วยการ " กัดมันดู "


" กัดมันดู  "  รามเกียรติ์พูดเบา ๆ อย่างเคร่งเครียด...เขาขบฟันแน่นหลังจากพูดแล้ว ถูกละ "กัดมันดู" เป็นประหนึ่งมนต์ขลังหรือเทวโองการ  เป็นหลักชัยในการต่อสู้ของเราตลอดมา...เพราะถ้าเราไม่ "กัดมันดู" เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันกำลังจ้องจะ "กัดเราอยู่"เหมือนกัน


"อย่าลืมสัญญาณพวกเมื่อพบคนที่คุณสงสัยว่าจะเป็นคุณเง็กเพื่อนชาวไทยของเ้ราและพยายาม
อย่าให้ยายแร้งทึ้ง ปูดองม็องดูซ์ญ่า เห็นคุณได้เป็นประเสริฐที่สุด" เขาสั่งเสียรามเกียรติ์ก่อนขึ้นเครื่องบิน โดยสายการบิน "ดีฮ์ แมร์ปือร์ แอร์ไลน์"

เมื่อมาถึงสนามบิน หนองงูเห่า เขายืนอยู่ชั่วอึดใจเดียว มีชายรูปร่างผอม ๆ ผูกเน็คไท แต่ไม่สวมเสื้อนอก เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ แล้วพูดเบา ๆ พอได้ยินว่า

" อีล์กาฮ์ ฏีปูร์ณาฮ์...." ชายคนนั้นพูดเร็วปรื๋อ   รามเกียรติ์สูดลมหายใจเต็มปอด  โชคดีมาถึงแล้ว  เขาไม่ต้องไปค้างตามโรงแรมที่ชุกชุมไปด้วยเชื้อโรคเอดส์ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศทั่ว ๆไป จนกล่าวกันว่า  เชื้อเอดส์ในเมื่องไทยนั้นติดกันได้เหมื่อนหวัด เขาละล่ำละลักตอบไปเป็นรหัเช่นเดียวกัน ว่า


"งูฮ์  ดูซ์อีล์กาฮ์...สวัสดีครับ...ผมรามเกียรติ์ครับ...ยินดีที่ได้พบ

" ผมเง็กครับ "  เขาตอบแล้วหัวร่อก๊ากอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น  แต่ก็หยุดได้ทันทีเหมือนกัน "เราจะออกเดินทางกันเลย ผมไม่ได้เอารถมาด้วย  แท็กซี่เหมาะที่สุดสำหรับบุรุษลึกลับอย่างพวกคุณ....เราจะไปที่บ้านผม...ที่วัดใหม่ตานุ้ย.."


"ตายแล้ว....เป็นชื่ออะไรกัน...เกิดมา่ไม่เคยคิดว่าจะมีชื่ออย่างนี้...ที่นั่นมีหนุมานหรือเปล่า...ผมชักกลัวเสียแล้ว

"หนุมานไม่มีหรอก  มีแต่พระยาอนุมานราชธน " งงเข้าไปใหญ่กูไม่น่ามาเลย

รามเกียรติ์พำนักอยู่ที่บ้านของเง็กตลอดคืนด้วยความสุขสบาย เขาไม่รู้จักยุง และแมลงสาบแต่เขาก็พอใจบรรยากาศของเมืองไทย เขาคิดว่าประเทศไทยมีพลเมืองเพียง ๖ ล้านคน เท่ากับประเทศของเขาสิ่งที่เขาต้องรีบทำก็คือ  พยายามจัดการกับ    ปูดองม็องดูซ์ญ่า ให้สำเร็จ


รุ่งขึ้นเวลาประมาณบ่าย ๓ โมง  ขณะที่เง็กและรามเกียรติ์กำลังดืมกันอย่างมีความสุข เตี่ยของเง็กกำลังทำหมูกรอบอย่างกระฉับกระเฉง อยู่ในดงกระถินข้างบ้าน เขาเริ่มกินกันมาตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว  รามเกียรติ์บอกว่า   เครื่องดืมของคนไทยมีคุณภาพน่าอัศจรรย์มาก รสและกลิ่นวิเศษที่สุดเขาอธิบายให้เง็กฟังว่า  พลเมืองของเขาทุกคนเวลาหาภรรยาจะเลือกสตรีทั้งหอมและอร่อย  


เง็กมองด้วยความสงสัยแต่มีรอยิ้มอยู่ในหน้า  เขาเป็นคนอารมณ์ดี   กินสุราแบบจิบช้า ๆ เขาบอกรามเกียรติ์ว่า  ตระกูลของเขาสืบเนื่องลงมาจากขงเบ้ง ซึ่งรามเกียรติ์อดที่จะถามไม่ได้ว่าหมายถึงดาวดวงไหนกันแน่


ทันใดนั้น  รามเกียรติ์รู้สึกว่า  เหมือนมีใครมาเชิดสิงโตอยู่หน้าบ้านของเง็ก  เขาถามว่า"ตรุษจีนแล้วหรือ..."  


แต่ไม่ทันที่เง็กจะตอบ  สิ่งที่ละม้ายสิงโตตรุษจีนก็ก้าวฉับ ๆ เข้ามา และยืนอย่างผงาดพร้อมกับพูดเป็นภาษาไทยอย่างฉาดฉานว่า


"ดิฉันมาขอพบคุณเง็กและคุณรามเกียรติ์"

ผู้ชายทั้งสองลุกขึ้นขานชื่อตนเองเกือบพร้อมกัน  มาดาม    ปูดองม็องดูซ์ญ่า  คือสิงโตตััวนั้นเอง เธอบอกชื่อของเธอแก่คนทั้งสอง  แล้วผสมสุราดืมเองอย่างคล่องแคล่ว แล้วทุกคนก็กินกันอย่างสนุกสนาน เง็กร้องเพลงรำวง  เตี่ยของเขาร้องเพลงที่ไม่มีใครเคยได้ยิน  สักพักหนึ่งมีชายผอม ๆ สูง ๆ หน้ายาว ๆ แต่งกายคล้ายพนักงานสูบฯ หอบแฟ้มเดินเข้ามา  และขอให้รามเกียรติ์ลงนามไว้ในนั้นกับปูดองม็องดูซ์ญ่า นอกจากนั้นเง็กกับเพื่อนบ้านของเขาก็ลงนามด้วย ทุกคนส่งเสียงร้องไชโยกันดังลั่น


" ช่างเป็นงานสมรสที่เบิกบานนี่กระไร..." เง็กบอก  ขอให้คุณทั้งสองจงดืมน้ำผึ้งพระจันทร์กันให้เต็มคราบเถิด...."


"รูฮ์ ปูอ์ มีฮ์ ดีฮ์ ดูฮ์..." รามเกียรติ์ร้องออกมาด้วยเสียงอ้อแอ้เพราะเมามากแล้ว

"รูฮ์ งูฮ์ มีร์ ปูรน..."มาดาม ปูดองม็องดูซ์ญ่าร้องเสียงแจ๋ว  แม่เสืออายุใกล้ ๕๐ ปี ได้สมรสกับชายหนุ่มรามเกียรติ์อายุ ๒๕ ปี หล่อนเชื่อว่าจะดูแลเขาให้อยู่กับร่องกับรอยได้  ภายใต้การทำงานที่สถานฑูตของพวกเขา


รุ่งขึ้นเมื่อรามเกียรติ์สร่างเมา  เขาได้รับวิทยุโทรเลขมีข้อความว่า  "ขอแสดงความยินดีที่มีการแต่งงานระหว่างคุณกับมาดามปูดองม็องดูซ์ญ่า  ผมต้องดำเนินการให้กับคุณแต่งงานกับเธอแบบนี้ เพราะไม่สามารถทนเห็นคุณแต่งงานกับน้องสาวที่ไร้เดียงสาของผมได้  หล่อนนั่นแหละที่เหมาะสมกับคุณ ฮิ...ฮิ"


ราเกียรติ์โทรเลขไปเป็นรหัส "ฤ ซํ ฯฑณธไฒ๋ฒ๊ฆฯฌโีีีีี  ญ ซฑ ํฐแผ่ "


เมื่อรามคานหัวหน้าของเขาใช้เวลาถอดรหัสอยู่สองวันครึ่ง เขาก็หัวเราะงอหายเพราะมีความว่า


"วันโกนไม่มีหนเดียวหรอกบอส ผับแผ่" 



  

                         _____________________________________




      


 


 


 




 



  


   






 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น