วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ไสยศาสตร์บางครั้งก็ต้องมีจรรยาบรรณ



                        ไสยศาสตร์บางครั้งก็ต้องมีจรรยาบรรณ

เมื่อข้าพเจ้ากำลังแตกเนื้อหนุ่ม  เป็นเวลาที่ประเทศไทยกำลังเร่งระดมปลุกใจคนไทยให้รักชาติด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างมากมาย  สามารถนำมาเขียนได้เป็นหนังสือเล่มใหญ่ได้เล่มหนึ่งทีเดียว และพร้อม ๆ กันนั้นเอง  ได้มีข่าวว่า  กรุพระที่วัดนั้นแตกบ้าง  หรือมีหลวงพ่อวัดโน้นอาคมขลัง  กำลังสร้างพระเครื่องรางและปลุกเสกเลขยันต์ผ้าประเจียดส่วนมากของขลังเหล่านี้ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างสมัยใหม่ว่า  วัตถุมงคล คงเรียกไปตามความเป็นจริง เช่น พระที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง สร้าง ก็เรียกว่า พระสมเด็จ เพราะท่านผู้สร้างพระนั้น  ท่านเป็นพระราชาคณะขั้นสมเด็จ จะเรียกเป็นอย่างอี่นกระไรได้


นอกจากนี้ก็ยังมีพระเครื่องรางอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงมากสำหรับสมัยนั้น เช่น พระสมเด็จวัดพลับ (วัดราชสิทธาราม) ซึ่ง สมเด็จพระสังฆราช สุก ญาณสังวรณ์ ทรงสร้าง  สมเด็จพระสังฆราชองค์นี้มีคุณวิเศษเป็นเลิศในทางเมตตา  จนกระทั่งไก่ป่ายังเชื่อง  จึงมีอีกพระนามหนึ่งว่า  สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน คำว่า เถื่อน หมายถึง ป่าดงพงไพร มิได้หมายถึงไก่หนีภาษีแต่อย่างใด


ที่บ้านข้าพเจ้ามีพระเครื่องรางอยู่หลายองค์  แต่ข้าพเจ้าก็ไม่รู้จักแต่พระของ  ท่านพระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปานวัดบางนมโค จังหวัดอยุุธยา) จำได้ว่าเนื้อองค์พระนั้นงามมากและองค์นั้นมีส่วนหนามาก  ที่ตรงฐานพระมีรูปไก่  และอื่น ๆ ด้วย  นอกจากนั้น ยังมีวัตถุสิ่งหนึ่ง  ซึ่งผู้ใหญ่บอกว่า  เป็น  พระธาตุ พระโมคัลลา มีลักษณะเหมือนไข่นกปรอด และมีรอยร้าวทั้งองค์ มีคำอธิบายว่า  พระโมคคัลลา  นี้ ท่านถูกโจรทุบจนกระดูกแหลกยังไม่มรณภาพ  และยังมีตะกรุดดอกหนึ่ง  มีขนาดใหญ่ ผู้ใหญ่บอกว่า  ให้ผูกไว้ที่เอวเวลาจะไป (ไปไหนก็ตาม) ให้รูดตะกรุดดอกนั้นมาไว้ข้างหน้า  เวลากลับให้รูดไว้ข้างหลัง


ใกล้บ้านข้าพเจ้ามีวัดที่สำคัญหลายวัด  วัดหนึ่ง  ชื่อวัดจันทาราม  หรือชาวบ้านเรียกว่า วัดกลาง  วัดนี้เคยรื้อวิหารและพบพระเครื่องรางเนื้อชินเป็นอันมาก  ทางวัดได้แจกจ่ายให้แก่ผู้ที่ไปขอจนหมด  ข้าพเจ้าได้ไว้สองสามองค์


ต่อมา  ทางวัดราชคฤห์  หรือ  ที่ชาวบ้านเรียกว่า  วัดมอญ  ไปขุดเจดีย์องค์หนึ่ง  ซึ่งอยู่บนกำแพงแก้ววิหาร  ปรากฏว่า  มีพระโคนสมอจำนวนมาก  ขนาดเท่ากับสามนิ้ว มีปางต่าง ๆ ว่ากันว่าเป็นเจดีย์ที่บรรจุอังคารของ  ท่านพระยาพิชัยดาบหัก พระโคนสมอนี้
ขัาพเจ้าก็ได้ไว้หลายองค์เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ต่อมา ข้าพเจ้าก็ไปที่วัดอรุญราชวราราม เมื่อสัก ๒๐ ปีมานี้  มีพระภิกษุรูปหนึ่งให้พระโคนสมอเนื้อชินแก่ข้าพเจ้าองค์หนึ่ง  มีผู้เล่าว่า เป็นพระที่พบในโบสถ์เข้าใจว่าจะสร้างสมัยรัชการที่ ๓ พระบาทสสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว


สมัยนั้นพระสร้างใหม่หรือพระบวชใหม่ที่ดังมาก  ได้แก่พระวัดสามปลื้ม เพราะลือกันว่าทำด้วยกระดูกผีตายโหงป่น  เอาเข้าบ้านไม่ได้  ต้องไว้นอกบ้าน ลือกันมากนักหนา จนคนไม่อยากได้


ที่วัดราชคฤห์ (วัดมอญ) ตลาดพลู ได้มีพระภิกษุสงฆ์ มาลงกระหม่อมให้คนที่เลื่อมใสศรัทธาทั่วไป  และมีเสื้อยันต์แดงของหลวงพ่อจาด ไว้แจกด้วย มีหลวงพ่ออีกองค์หนึ่งที่มีคนเคารพนับถือมาก  คือ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ท่านเชี่ยวชาญวิชาไสยศาสตร์ชั้นสูง


มีของขลังอีกหลายอย่าง  ได้แก่ตะกรุดสาริกา  สำหรับทำให้ผู้หญิงหลงรัก  และคาถาผสมเนตร  คาถาเทพรัญจวน  ตลอดจนคาถาเสกน้ำให้ผู้หญิงดื่มแล้วรักเรา  คาถาบางบทเป็นเรื่องของนักผจญภัยหรือนักเลง  เป็นคาถาอยู่ยงคงกระพันชาตรี  แต่มีหลายประเภทประเภทที่หนึ่ง  อยู่ปืน คือ ปืนยิงไม่ออก  ประเภทหนึ่ง อยู่มีด คือ มีดฟันไม่เข้า ประเภทหนึ่ง อยู่ไม้ คือ  ไม้ตะพดตีไม่แตก  ซึ่งเป็นเรื่องชอบกล  แต่อยู่ปืน หรือปืนยิงไม่ออกข้าพเจ้าไม่เคยเห็น  เห็นแต่คาถาเสกใบพลูกินแล้ว  ใช้มีดโกนเฉือนก็ยังไม่เข้า  และท่านผู้หนึ่งได้ใช้เหล็กหมายแทงเนื้อของท่าน  ก็ไม่เข้าเหมือนกัน  แต่กระดานที่รองเนื้อท่อนแขนของท่านเป็นรอย  รุ่งขึ้นเห็นเนื้อที่ถูกแทงนั้นบวม


เรื่องคาถานี้แปลกมาก  เคยมีชายหนุ่มคนหนึ่ง  เขาหนังเหนียวแทงไม่เข้า  ถามเขาว่ามีของดีอะไร  เขาบอกว่าไม่มี  แต่มีคาถาบทหนึ่ง  ถามว่าบอกได้ไหม  เขาตอบว่าได้ ก็คือ
นะ มะ พะ ทะ เรานี่เอง แต่ท่องกลับไปกลับมา  เขาไม่ได้บอกว่ากลับอย่างไร  เช่นเดียวกับคาถา มหาละลวย  นั้น  ทราบกันว่า คือ นะ โม พุท ธา ยะ แต่กลับ  การที่จะกลับอย่างไรนั้น  ต้องมีครู - อาจารย์ถ่ายทอด


มีอนุสาสนาจารย์ท่านหนึ่ง  เป็นนายทหารยศสูง  เคยเล่าให้ฟังว่า  เมื่อท่านเป็นสามเณร ท่านชอบเล่นไสยศาสตร์  วันหนึ่ง อาจารย์ (สมภาร) ของท่านไปธุระ  กลับมาเข้ากุฏิไม่ได้ เพราะลืมลูกกุญแจได้พูดกับท่านว่า  "เณร เขาว่าขลังหรือ  ช่วยเสดาะประแจหน่อยเถิด" (คำว่าประแจก็คือ  กุญแจนั่นเอง  แต่สมัยก่อนเรียกเพี้ยนไป เป็นประแจ  อย่าง
ตลาลประแจจีน  เป็นต้น  ถ้าใครไป  บอกว่าจะไปตลาดกุญแจจีนก็คงจะนึกกันนานหน่อย)


ท่าน (อนุสาสนาจารย์ทหารผู้นั้น) จึงไปนั่งภาวนาคาถาเสดาะ ครู่หนึ่งประแจก็หลุดออก ได้กราบเรียนถามท่านว่า  กุญแจแบบไหน  ท่านบอกว่ากุญแจจีน  เรียนถามว่า  แล้วอาจารย์ของท่านว่าอย่างไรบ้าง  ท่านบอกว่า  อาจารย์ก็ทำกุญแจนั้นชักเข้า ๆ ออก ๆ  แล้วบอกว่าก็ชอบกล 


ข้าพเจ้าจึงกราบเรียนท่านว่า  เมื่อยังเด็ก ๆ มีผู้สอนคาถาเสดาะให้บทหนึ่ง เป็นคาถา ๓ คำ  ท่านบอกว่าถูกแล้ว  แต่ต้องกลับให้เป็นจึงจะได้ผล  คาถาบทนั้น คือ อะ ระ หัง 


ครั้งหนึ่ง  พระภิกษุผู้ใหญ่รูปหนึ่ง  เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม  เพิ่งมรณภาพไปเมื่อไม่กี่ปีนี่เอง  ให้พระแก่ข้าพเจ้าองค์หนึ่ง  มีจารึกว่า   พุ  ธะ  สัง  มังคลัง  โลเก  และท่านแนะวิธีการใช้คาถาบทนั้นให้สัมฤทธิ์ผล  แต่ท่านได้เล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่ง ข้าพเจ้าจำได้เพียงบางตอนคือ


มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่ง  ตั้งตัวเป็นเจ้าของบรรดาสัตว์ป่าทั้งปวง  วันหนึ่ง ได้ยกกองทัพสัตว์ป่าไปล้อมเมืองไว้  และยื่นคำขาดจะเป็นเจ้าเมือง  ให้ราษฎรในเมื่องนั้นยอมแพ้  หมาจิ้งจอกนั้นจะตั้งตัวเองเป็นเจ้าแก่มนุษย์ทั้งหลายในเมืองนั้น  ถ้ามนุษย์ในเมืองไม่ยอมแพ้โดยดี  หมาจิ้งจอกจะสั่งให้ราชสีห์ และช้างตลอดจนสัตว์ทั้งหลายนั้นร้องพร้อม ๆ กัน ชาวเมืองจะต้องแก้วหูแตกตายหมด  มนุษย์จึงแนะนำกันให้เอาดินอุดหูให้แน่น  และเตรียมมีดเตรียมเกลือไว้มากมาย  ครั้นถึงวันกำหนดยื่นคำขาดแล้วมนุษย์ก็ยังไม่เปิดประตูเมืองออกไปอ่อนน้อม  หมาจิ้งจอกจึงมีความโกรธ  จึงสั่งให้สัตว์ทั้งหลายอันเป็นบริวารเปล่งเสียงออกมาพร้อม ๆ กััน  และหมาจิ้งจอกก็หูแตกตาย ส่วนสัตว์ทั้งหลายก็ล้มตายอยู่มากมาย  ที่ไม่ตายก็หนีเตลิดเปิดเปิงไป  ชาวเมืองจึงออกมาแลเนื้อสัตว์ที่กินได้ไปทำเนื้อเค็มไว้กิน


ท่านเล่าเรื่องนี้พร้อมกับให้พระเครื่องรางแก่ขัาพเจัา  แต่ข้าพเจ้าก็นึกไม่ออกว่าท่านหมายความว่าจะเตือนสติข้าพเจ้าว่ากระไรบ้าง


เมื่อยังเด็ก  มีชายคนหนึ่ง  แกอยู่คนเดียวบนเรือนกลางสวน รับประทานแต่ผลฝรั่งเป็นอาหาร  บางทีก็มีคนรองน้ำตาลสดไปให้แก  บางทีก็นำส้มสูลูกไม้อื่น ๆ ไปให้ด้วย  สวนนั้นเป็นของแกแต่รกมาก  เพราะแกทิ้งไว้ไม่ได้ทำเอง  และไม่ให้ใครถือ (ถือสวนหมายความว่าเช่าสวน) แกบอกว่า  ต้นกล้วยนั้นทำให้ตายได้โดยไม่ต้องตัด  แล้วแกก็ยกกระถางธูปหน้าที่บูชาพระมาตั้งที่ขอบหน้าต่าง  เอาก้านธูปออก  เหลือแต่ขี้ธูปทั้งสิ้น แกบอกให้คอยดูพอลมพัดไปทางต้นกล้วย  แกก็เป่าขี้ธูปนั้น  ข้าพเจ้าได้เห็นด้วยตาว่า  ขี้ธูปเข้าไปในลำต้นกล้วยจริง ๆ รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง  กล้วยต้นนั้นก็มีลักษณะสีแดง ๆ แล้วเน่าและตาย


แกบอกว่า  ถ้าเป่าไปทางบ้านคนซึ่งไม่อยู่ห่างกันมากนัก  สักราว ๆ หนึ่งเสาไฟฟ้า คนในบ้านจะป่วยนานเป็นเดือน ๆ มีคนเขาทดลองแล้วเป็นความจริง  คือมีบังกะโลชายทะเลสองหลังตั้งอยู่ไมห่างกันนัก  หลังที่อยู่ห่างจากทะเล  มีชายคนหนึ่งท่าทางพิลึกมาพักอยู่ และทำกิริยาแอบมองชายคนที่อยู่บังกะโลหลังที่อยู่ติดทะเล  วันหนึ่งเวลาบ่าย ๆ  ชายคนนั้นขึ้นบังกะโลไปแล้ว  ชายคนที่อยู่ริมทะเลก็ภาวนาคาถาเป่าขี้ธูปไปที่ชายคนนั้น  ชายคนนั้นก็ป่วยอยู่เดือนเศษโดยไมทราบว่าเป็นอะไร


เคยเห็นชายคนหนึ่ง  แกกำลังใช้ดินสอชนิด ๔ บี (บีบีบีบี) ซึ่งเส้นดำมาก  วาดรูปลงบนแผ่นกระดาษ  เป็นรูปหน้าคนด้านข้าง  แต่ศรีษะนั้นเปิด  ไม่มีผม  แต่ไม่ใช่หัวล้าน  เปิดกระโหลกศรีษะ เห็นมันสมอง  มีหมาตัวหนึ่งทำถ้ากินมันสมองนั้น  ถามว่าเล่นอะไร เขาบอกว่าทำ  "หมากินความคิด"  เขาได้อธิบายสรรพคุณให้ฟังหลายอย่าง ต่อมาอีกหลายสิบปี  จึงทราบว่าวิชานี้มีจริง  แต่เขาช่วยเหลือผู้ที่ถูกกล่าวให้พ้นจากความผิด


เขาว่ากันว่า  สมัยนี้  คาถาอาคมเสื่อมลงไปมากจนแทบจะไม่ขลังเสียแล้ว  คนที่จะเกี้ยวผู้หญิง  ไม่ต้องใช้คาถา  ไม่ต้องตะกรุดสาริกา  และไม่ต้องใช้ผ้ายันต์  ใช้แต่ธนบัตรก็เป็นเสน่ห์มหานิยมถมไป เผลอ ๆ ฝ่ายหญิงเองกำเป็นฝ่ายที่ต้องกระทำำต่อฝ่ายชายก็มาก
คาถาอาคมก็ค่อย ๆ หายไปเอง


ในการเล่นเครื่องรางของขลังนั้น  โบราณมีข้อห้ามมาก  เช่น ห้ามกิน ฟัก แฟง แตง น้ำเต้า  มีคำอธิบาย  แต่ไม่ขออธิบาย มะเฟืองก็ดูเหมือนจะห้ามด้วย  ห้ามลอดไม้ค้ำเรือน ห้ามถ่มหรือบ้วนน้ำลายลงไปที่อุจจาระ และที่สำคัญ  ก็คือ ห้ามด่าแม่  การห้ามด่าแม่นี้  ไม่ได้หมายความว่าห้ามด่าว่ามารดาของตน  แต่ห้ามใช้คำหยาบคายด่าคนอื่น ด้วยคำสองคำ สองพยางค์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดี  ใครด่าคนด้วยคำสองคำนี้ คาถาเสื่อมหมดใช้ไม่ได้  คนที่มีของขลังแล้วไม่ศักดิ์สิทธิ์  เพราะไม่รักษาตัวให้เหมาะสม  อีกประการหนึ่ง  การมุดเข้าไปใต้ถุนเรือนหรือใต้ถุนร้านเตี้ย ๆ  อาคมก็เสื่อม


เมื่อยังเด็ก ๆ มีท่านคนหนึ่งถามว่า เชื่อไหมว่า เราจะเสกดอกจำปาให้เป็นให้เป็นแมลงภูก็ได้  ตอบว่า  ไม่เชื่อ  ท่านจึงเอาดอกจำปาที่มีอยู่แล้ว  และซึ่งยังสด ๆ อยู่ ใส่ลงในบาตร  แล้วเปิดฝาบาตรนั่งหลับตาบริกรรมอยู่ชั่วประเดี๋ยวเท่านั้นเอง  ท่านก็บอกว่า เป็นแล้ว...เป็นแล้ว  ข้าพเจ้าบอกว่าขอให้เปิดฝาบาตร  ท่านบอกว่าเปิดไม่ได้ เพราะเดี๋ยวบินไปต่อยถูกใครเข้า เขาจะมาหลงรักเราแล้วแก้ยาก  แต่ได้ให้ก้มลงเอาหูแนบกับบาตร  ก็ได้ยินเสียงแมลงภู่หรือผึงตัวโต ๆ ดังอยู่ข้างในเป็นเสียงหึ่ง ๆ สักครู่หนึ่งก็เงียบ  พอเปิดฝาบาตร ก็เป็นดอกจำปาอย่างเก่า  ถ้าเป็นสมัียนี้คงเข้าใจว่าท่านเอาเทปซ่อนไว้ในบาตร


ผู้ที่จะมีโอกาสได้รำ่เรียนวิชาไสยศาสตร์ที่สำคัญนั้น  จะต้องมีสัจจะข้อใดข้อหนึ่งเป็นการแน่วแน่ และซื่อตรงต่อสัจจะข้อนั้นอย่างไม่มีวันแปรปรวน เช่น การเสกเป่าอะไรให้กินแล้วเหนียวยิงฟันไม่เข้านั้น  ให้ทำได้เฉพาะเวลาอันหนึ่ง  เท่านั้น คือชั่วหนึ่งวันหรือชั่วอาทิตย์ขึ้นวันหนึ่งไปถึงรุ่งอีกวันหนึ่ง  เป็นอันหมดฤทธิ์ ต้องทำใหม่  บางคนก็ทำได้เพียง ชั่วเบา หมายความว่าเมื่อปัสสาวะแล้วก็หมดฤทธิ์ โดยมากเป็นพวกว่าน  สมัยก่อนบางคนสักตามตัวเป็นสัตว์ต่าง ๆ แต่ข้าพเจ้าเคยเห็นท่านผู้หนึ่งสักไว้ที่โคนขา  เป็นรูปสิงห์สาราสัตว์  ส่วนมากคงเป็นสิงห์แต่มีหลายตัว  เป็นรูป ๔ เหลี่ยมผืนผ้าเป็นแบบยันต์ เขาว่าท่านหนังเหนียวขนาดมีดโกนเฉือนไม่เข้าเหมือนกัน แต่อันนี้ไม่เคยเห็นเอง เพื่อนเล่าให้ฟัง  ครั้นไปถามท่านก็ไม่บอก


ในนิยายเรื่องขุนช้างขุนแผน  ปรากฏว่าเต็มไปด้วยวิชาไสยศาสตร์  ขุนแผนเรียนรู้ตั้งแต่เป็นเณรแก้ว  และในการเรียนกับอาจารย์องค์หนึ่ง คือ ท่าน สมภาร มี วัดป่าเลไลย์ ท่านองค์นี้เป็นเพื่อนกับท่าน ขุนไกร พ่อของพลายแก้วหรือเณรแก้ว  ท่านได้สอนคาถาให้มาก  แต่ท่านพิจารณานิสัยเณรแก้วแล้วเห็นว่า  ออกจะหนักไปในทางเจ้าชู้  ท่านจึงสอนว่า  แม้ว่าจะเรียนวิชาการทหารแต่ก็เรียนเรื่องผู้หญิง  ด้วย ดังนี้


อยู่ยงคงกระพันล่องหน

ภาพยนตร์ผูกใช้ให้ต่อสู้ (ผูกหุ่น)

รักทั้งเรียนเสกเป่าเป็นเจ้าชู้

ผูกจิตผู้หญิงอยู่ไม่เสื่อมคลาย

ท่านขรัวหัวร่อว่าออแก้ว

เรื่องเจ้าชู้รู้แล้วต้องมั่นหมาย

เมียของเขาเจ้าอย่าได้ทำร้าย

สาวแก่แม่ม่ายเอาเถิดวา ฯลฯ


วิชาเสน่ห์ผูกจิตใจผู้หญิงนั้น  ถ้าเรียนให้ได้ผล ต้องไม่ทำชู้กับเมียคนอื่น จึงจะไม่เสื่อม ส่วนผู้หญิงสาว ผู้หญิงแก่ หรือผู้หญิงสาวแก่ ตลอดจนแม่ม่ายท่านมิได้ห้าม




                         Sampan ________________________________ Chanpa
 

 





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น