วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

รามเกียรติ์ ตอน ศึกกุมภกัณฐ์ ตอนที่ ๒ ( ขำทุกบรรทัด )



                         รามเกียรติ์ ตอน ศึกกุมภกัณฐ์  ตอนที่ ๒ 
  
                                   (พระลักษณ์ถูกหอกโมกขศักดิ์ของกุมภกัณฐ์)

      ความเดิมตอนที่แล้วทศกรรฐ์สั่งให้กุมภกัณฐ์ไปแก้แค้นพระรามที่ไปฆ่าไมยราพ (ความเป็นจริงแล้วกุมภกัณฐ์เป็นยักษ์อยู่ในศีลในธรรมแต่เพราะพี่ทศของเรามันสติไม่คอยจะดีเหมือนใครบางคนในบ้านเมืองเราเลยพาวงศ์ตระกูลฉิบหายไปด้วย)


  กุมภกัณฐ์กำลังทดน้ำตัดน้ำตัดไฟ  เอ้ย..!!ไม่ใช่ตัดน้ำอย่างเดียว ไม่ให้พวกลิงใช้เดือดร้อนไปตาม ๆกัน  คำแหงหนุมานถือตรีกระโจนลงไปในแม่น้ำ ปรี่เข้ากระทืบกุมภกัณฐ์เอากำไรไว้ก่อน มหาอุปราชกำลังนอนร่ายเวทวิทยา เมื่อถูกทำร้ายก็ตกใจรีบลุกขึ้นต่อสู้ กระแสน้ำไหลงลงสู่ทางใต้ทันที หนุมานกับกุมภกัณฐ์สู้รบกันเกือบสามชั่วโมงไม่มีใครแพ้ใครชนะ กุมภกัณฐ์ทรงเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียก็ล่าถอยเข้าพระนครลงกาและรุดเฝ้าท้าวทศกรรฐ์พระยายักษ์.

                                                                      มังกรกัณฐ์

     “อ้าว กำลังทดน้ำอยู่ กลับมาทำไมล่ะน้อง ทนนอนขวางแม่น้ำอีกสักสามสี่วันเท่านั้นพวกลิงก็จะอดน้ำตายกันหมดทั้งกองทัพ”
“พิธีของหม่อมฉันถูกทำลายเสียแล้วท่านพี่”
“หา ว๊อท แฮ็ปเป็น...” รับสั่งถามเป็นภาษาฝรั่ง.
“อ้ายจ๋อหนุมาน พ่ะย่ะค่ะ มันตามลงไปกระทืบหม่อมฉันในน้ำ เลยต้องลุกขึ้นมาสู้รบกับมัน”
“อือ อ้ายนี่ร้ายมาก บาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า น้องรักของพี่”
“ถูกมันกัดหูข้างซ้ายหน่อยหนึ่ง พ่ะย่ะค่ะ กำลังมันมากเหลือเกิน แล้วก็ว่องไวเสียด้วย หม่อมฉันเห็นท่าสู้มันไม่ได้ ก็ต้องล่าถอยเข้าเมือง”
ทศเศียรทรงลูบหลัง ลูบหน้าพระอนุชา.
“น้องรัก พยายามต่อไป พยายามตายเพื่อพี่นะน้อง บอกพี่ซิกุมภกัณฐ์ น้องมีทางที่จะปราบ ราม ลักษณ์ อีกบ้างไหม”
“มีพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะไปเอาหอกโมกขศักดิ์ที่ฝากพระพรหมไว้นานแล้ว หอกเล่มนี้พุ่งถูกใครเข้ามีแผลเพียงเล็กน้อยก็ต้องตาย หม่อมฉันจะไปเอามาทำศึกกับรามลักษณ์”
ทศกรรฐ์ปลาบปลื้มพระทัยอย่างยิ่ง.
“มันต้องอย่างนี้ถึงจะเรียกว่าพี่น้องกัน เราเป็นยักษ์อย่ายอมให้มนุษย์มันดูหมิ่นย่ำเหยียบเราได้ คิดดูสิน้อง เราใหญ่กว่า...มากกว่า...เหนือกว่า...และมีฤทธิ์กว่า ฮ่ะ ฮ่ะ นั่งพักผ่อนเสียสักครู่ซีแล้วค่อยไป ดื่มน้ำอัดลมหรือเบียร์สักขวดไหมล่ะ”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะรีบไป วันนี้วันเสาร์ พระพรหมท่านจะอยู่หรือเปล่าก็ไม่ทราบ ตามธรรมดาวันเสาร์มักจะเสด็จไปประทับแรมที่บ้านเล็กเสมอ”
“เอ๊ะ พระองค์มีนางฟ้าตัวอ่อนๆ เหมือนกันหรือน้อง”
“พ่ะย่ะค่ะ พวกเทวดาเขาหาไปถวาย เจ้าพี่ช่วยหม่อนฉันหน่อยเถอะ”
“ได้สิ จะให้พี่ช่วยอะไรว่ามา”
“ช่วยให้เจ้าหน้าที่โยธาธิการเร่งสร้างโรงพิธีให้หม่อนฉันริมฝั่งแม่น้ำสีทันดร ให้เสร็จในบ่ายวันนี้ พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะทำพิธีลับหอกโมกขศักดิ์ที่นั่น ถ้าลับหอกได้ครบสี่คม โมกขศักดิ์ของหม่อมฉันก็จะเป็นอาวุธที่ร้ายแรงที่สุด พระรามหรือพระลักษมณ์โดนเข้าทีเดียวดิ้นพล่าดๆ ไม่มีทางแก้เลย”
“ตกลงกุมภกัณฐ์ พี่จะจัดการในเรื่องโรงพิธีให้เสร็จเรียบร้อย รับรองว่าบ่ายสองโมงต้องเสร็จ ถ้าไม่เสร็จพวกวิศวกร และสถาปัตย์จะต้องถูกตัดหัว”
กุมภกัณฐ์ทูลลาพระเชษฐาเหาะขึ้นสู่สวรรค์ทันที พระองค์เป็นยักษ์ชั้นเจ้าฟ้า และทรงมีศีลธรรมคุณธรรม จึงรู้จักคุ้นเคยกับพวกเทวดาและนางฟ้าทั้งหลายเป็นส่วนมาก ใครเห็นพระองค์ก็ทักทายกันเกรียวกราว.
ในที่สุด มหาอุปราชแห่งเมืองลงกาก็เข้าเฝ้าพระมหาพรหม พระผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ พระองค์ผู้ทรงสร้างโลกและทุกสิ่งทุกอย่าง และทรงลิขิตชีวิตมนุษย์ ตลอดจนสัตว์ทั้งหลายไว้ด้วย



     พระพรหมทรงเป็นหนุ่มกระชุ่มกระชวยขึ้นกว่าเก่า เมื่อพระองค์ทรงมีพระชายาเล็ก ๆ จอมเทวดาทรงพระสรวลเมื่อทอดพระเนตรเห็นกุมภกัณฐ์.
“ไงวะ หายหน้าหายตาไป สบายดีหรือกุมภกัณฐ์”
“ขอเดชะ ด้วยบารมีของพระองค์ หม่อมฉันสบายดี พ่ะย่ะค่ะ”
“เออ-ดีแล้ว นั่นห่ออะไรอยู่ในถาด”
“วิสกี้ พ่ะย่ะค่ะ แล้วก็เครื่องกระป๋องอีกหลายอย่าง หม่อมฉันถือโอกาสนำมาถวายพระองค์”
“ดีมาก อย่างนี้ถึงจะเรียกว่ากตัญญู มาหาผู้หลักผู้ใหญ่ก็ควรมีอะไรติดมือติดตีนมาฝากบ้าง ข้าน่ะไม่ชอบของกำนัลหรอก แต่มันเป็นการแสดงน้ำใจของเด็กๆ ที่เป็นศิษย์ของข้า เอ็งมีอะไรจะพูดกับข้าก็ว่ามากุมภกัณฐ์ ข้ามีเวลาคุยกับเอ็งเพียงเล็กน้อย จะรีบไปธุระโว้ย”
มหาอุปราชก้มลงกราบแทบเบื้องพระบาท.
“หม่อมฉันมาเฝ้าเพื่อขอรับหอกโมกขศักดิ์ที่ฝากไว้ พ่ะย่ะค่ะ”
พระพรหมพยักพระพักตร์.
“ได้-เอาคืนไปเสียทีก็ดี ทิ้งไว้ที่นี่ ข้าเป็นคนโมโหร้าย พวกเทวดาพูดผิดหู หรือขัดคอข้า ถ้าข้าระงับโทสะได้ก็ดีไป ถ้าระงับไม่ไหว ข้าพุ่งด้วยโมกขศักดิ์ของเจ้า มันก็ตายเท่านั้น บนสวรรค์เดี๋ยวนี้แย่ เทวดาและนางฟ้าไม่ใคร่จะมีระเบียบวินัย ชอบเต้นตะลุง แท็มโบ้ เต้นทวิต แซมบ้า หรือกัวราช่า อะไรเหล่านี้ แทนที่จะรำเทพนม, ปฐม, พรหมสี่หน้า, สอดสร้อยมาลา, กวางเดินดง, หงส์บิน, กินรินเลียบถ้ำ ไม่เอาแล้ว เทวดาหนุ่มๆ ริอ่านมือไวใจเร็ว ชอบลักเล็กขโมยน้อยเสียด้วยซี หงษ์ของข้าเอาไว้ขี่ไปไหน ๆ เผลอหน่อยเดียวถูกนักเลงดีเอาไปเชือดต้มข่ากินเสียแล้ว เห็นจะต้องสังคายนากันเสียที ไล่เทวดาและนางฟ้าเลว ๆ ไปอยู่นรกให้หมด ถ้าข้าไม่เด็ดขาดอีกหน่อยสวรรค์ก็จะกลายเป็นก๊วนไป”
จอมเทวราชเสด็จลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องบรรทม สักครู่ก็ถือหอกโมกขศักดิ์ด้ามยาวประมาณ ๒ เมตรออกมา ใบหอกเป็นรูปสี่เหลี่ยมขาวคมวับ ความจริงคมอยู่แล้วแต่กุมภกัณฐ์ก็ต้องเอาไปลับอีกตามพิธี.
พระพรหมทรุดพระองค์ลงนั่งบนพระแท่นฟองน้ำ แล้วรับสั่งกับมหาอุราชแห่งนครลงกา.
“ข้าสงสัยใจเสียแล้ว เอ็งอาจจะประพฤติผิดศีลธรรม หรือมีจิตใจชั่วช้าก็ได้ หอกของเจ้ามีสนิมขึ้นนิดหน่อยว่ะ ความจริงข้าก็ใช้จาระบีทาไว้เสมอ ไม่น่าจะขึ้นสนิมเลย”
กุมภกัณฐ์ทูลกลบเกลื่อน.
“หม่อมฉันยังยึดมั่นในศีลธรรม และคุณธรรมเสมอ พ่ะย่ะค่ะ”
“ก็ดีแล้ว มนุษย์หรือยักษ์ก็ตาม ถ้าเป็นคนดีมีศีลธรรมใคร ๆ ก็เคารพนับถือ ดูแต่ปู่ของเจ้าซีวะ กุมภกัณฐ์ ท้าวมาลีวราชได้เป็นเทวดาอาวุโสก็เพราะท่านเป็นยักษ์ที่ดี เจ้าควรจะเจริญรอยตามพระอัยกาของเจ้า อ้า-เจ้าฝากหอกของเจ้าไว้กี่ปี”
“แปดปี พ่ะย่ะค่ะ”
พระพรหมทรงพระสรวล.


     “แปดปีกับหกเดือนโว้ย ข้าคิดค่ารักษาปีละ ๕๐๐ บาท รวมทั้งหมด ๔,๒๕๐ บาท จ่ายให้ข้าเสียให้เรียบร้อย แล้วเอ็งเอา หอกโมกขศักดิ์ของเอ็งไป”
กุมภกัณฐ์ทรงยิ้มแห้ง ๆ.
“ขอเดชะ พระแสงหอกเล่มนี้เป็นของพระองค์ประทานให้หม่อมฉันผู้เป็นศิษย์ ประทานเป็นรางวัลที่หม่อมฉันยึดมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดีงามไม่สร้างบาป ไม่สร้างเวร ไม่เบียดเบียนข่มเหงใครให้เดือดร้อน หม่อมฉันฝากหอกไว้ พระองค์ไม่น่าจะโปรดเกล้าเรียกค่ารักษาเลย พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ได้ ข้าต้องรักษาผลประโยชน์ของข้า และทำอะไรอะไรตรงไปตรงมาเสมอ นี่ถ้าเป็นของเทวดาองค์อื่นที่เอามาฝากข้า ข้าก็ต้องเรียกค่ารักษาปีละพันบาทรวด เอ็งดูซีวะ กุมภกัณฐ์ ในปราสาทของข้าเต็มไปด้วยข้าวของอันมีค่ามากมายหลายพันชิ้น เทวดาหรือนางฟ้าองค์ไหน เดือดร้อนเรื่องเงินก็เอาของมาจำนำข้าไว้ ข้าก็ประเมินราคา และจ่ายเงินให้ไปเรียกค่ารักษาตามธรรมเนียม ข้าแก่แล้วอยู่บนสวรรค์ปกครองเทวดานางฟ้ามาหลายกัปหลายกัลปแล้ว ข้าทำอะไรกินไม่ได้ก็ต้องหาลำไพ่ด้วยการรับจำนำ หรือขายฝาก หรือใครจะกู้เงินข้าไปใช้ก็ได้”
กุมภกัณฐ์ทรงพระสรวล และนึกในพระทัยว่าท้าวมหาพรหมจอมเทวราชทรงพระอัฐิไม่น้อย มหาอุปราชล้วงกระเป๋าฉลองพระองค์ หยิบซองธนบัตรหนังจระเข้ออกมา ดึงธนบัตรใบละร้อยบาทสามสี่ปึกใหม่เอี่ยมออกมานับได้ ๔,๒๕๐ บาท แล้วยื่นถวายพระพรหมผู้ทรงฤทธิ์.
ขอได้โปรดประทานพระแสงหอกให้หม่อมฉันเถิด”
“เดี๋ยว ให้กูตรวจนับเงินให้เรียบร้อยก่อน เงินมันเป็นของบาดใจโว้ย ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือลูกศิษย์ลูกหาก็เชื่อไม่ได้...หนึ่งพัน...สองพัน...สามพัน...สี่พัน...หนึ่งร้อย...สองร้อย...ยี่สิบ...สี่สิบ...ไง๋ขาดไป๑๐ บาทล่ะอ้ายเวร”
“ก็มันซ้อนอยู่ข้างหลังใบละ ๒๐ พ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ แบ๊งค์มันใหม่ติดกัน ดีแล้ว เป็นอันว่าเอ็งได้จ่ายค่ารักษาให้ข้าถูกต้องแล้วเอาหอกของเอ็งไป ตรวจดูเสียก่อนนะไม่มีอะไรชำรุดเสียหายเลย ข้าให้นางเมขลามันขอยืมไปไล่แทงรามสูรหนเดียวเท่านั้น แต่ไม่ทันได้แทงหรอก อ้ายนั่นเห็นหอกโมกขศักดิ์เข้าก็วิ่งไม่คิดชีวิต”
มหาอุปราชแห่งนครลงกา ก้มลงกราบถวายบังคมท้าวมหาพรหมแล้วรับหอกโมกขศักดิ์มาถือไว้.
“หม่อมฉันทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
“เออ สวัสดีอ้ายหลานชาย แวะเยี่ยมท้าวมาลีวราชปู่ของเอ็งเสียหน่อยซี ป่านนี้เขาคงกำลังเล่นเผอยู่กับเพื่อนเทวดาของเขา”
กุมภกัณฐ์ออกจากวิมานพรหมก็เหาะลงสู่โลกมนุษย์มุ่งตรงลงกาธานี นึกเสียดายเงินค่ารักษาอย่างยิ่ง เพราะเป็นเงินไม่ใช่น้อย เท่ากับเงินเดือนของชายาเล็ก ๆ ถึงสองคน ทรงรำพึงรำพันว่า ไม่ว่าในสวรรค์ในนรก ในบาดาล หรือในโลกมนุษย์ เงินย่อมมีความหมาย และเป็นแก้วสารพัดนึกเสมอ เพราะธนบัตรเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย.

                                                        พระลักษณ์ถูกหอกโมขศักดิ์

     เพราะกุมภกัณฐ์เงียบหายไปไม่ยกกองทัพออกมาอีก ซึ่งพระรามรอฟังข่าวศึกตั้งแต่เช้ายันบ่าย องค์พระสี่กรก็รู้สึกแปลกพระทัย จึงรับสั่งถามพิเภกโหราจารย์ ผู้เปรียบเสมือนแว่นทิพย์ของพระองค์.
“จงบอกข้าซิพิเภก วานนี้ข้าใช้ให้หนุมานไปทำลายพิธีทดน้ำของกุมภกัณฐ์จนสำเร็จ วันนี้กุมภกัณฐ์ควรจะยกทัพใหญ่ออกมารบกับเรา ทำไมถึงเงียบไป”
พระยาพิเภกหยิบกระดานชนวนขึ้นมา ขีดเขียนตัวเลขคล้ายกับไส้เดือนตัวเล็ก ๆ จนเต็มกระดาน แล้วก็ทำปากหมุบหมิบบวกลบคูณหารอยู่สักครู่ก็กราบทูลองค์พระหริรักษ์.
“ขอเดชะ พระบารมีปกเกล้า ข้าพระองค์ทราบเกล้าแล้ว พ่ะย่ะค่ะ เท่าที่พระเชษฐามหาอุปราชไม่ยกทัพออกมาวันนี้ ก็เพราะพระเชษฐากำลังทำพิธีลับหอกโมกขศักดิ์อยู่ริมฝั่งแม่น้ำศรีทันดรพ่ะย่ะค่ะ”
“หอกโมกขศักดิ์...” พระทรงครุฑทรงอุทาน “มันเป็นอาวุธวิเศษเช่นนั้นหรือพิเภก”
“พ่ะย่ะค่ะ ท้าวมหาพรหมได้ประทานให้พระเชษฐากุมภกัณฐ์มานานแล้ว หอกนี้เมื่อจะใช้ต้องเข้าพิธีร่ายเวทวิทยาเสียก่อน เสกเป่ามนต์พลางลับหอกไป ถ้าลับเสร็จทั้งสี่คมจะเป็นอาวุธที่ร้ายกาจที่สุด ใครถูกหอกเข้าเพียงมีบาดแผลนิดเดียว ก็จะสิ้นชีวิตทันที พ่ะย่ะค่ะ”
พระรามพระพักตร์เสีย หันมาทางพระอนุชา.
“แย่ละโว้ย พระลักษมณ์ ถ้าเธอหรือพี่ออกรบกับมัน เจอหอกโมกขศักดิ์ของมันเข้าพวกลิงก็มีโอกาสถวายพระเพลิงเราเท่านั้น”
พระลักษมณ์ผู้มีพระวรกายเหลืองอ๋อยเหมือนคนสูบเฮโรอีน ประนมหัตถ์ถวายบังคมพระเชษฐา แล้วทูลว่า.
“เสด็จพี่ลองปรึกษาพิเภกดู พ่ะย่ะค่ะ”
“เออ จริงสินะ” แล้วพระองค์ก็หันมารับสั่งถามพิเภก “พอมีทางแก้ไขอะไรได้บ้างไหมพิเภก”
“มีพ่ะย่ะค่ะ ขณะนี้พระเชษฐากุมภกัณฐ์ยังอยู่ในระหว่างพิธีลับหอก ถ้ารับสั่งใช้ให้หนุมานกับองคตไปทำลายพิธีก็คงจะได้ พระเชษฐาของพระองค์เป็นยักษ์ที่สะอาด เกลียดของเน่าเหม็นสกปรกพ่ะย่ะค่ะ ถ้าหากหนุมานแปลงตัวเป็นสุนัขเน่า และองคตแปลงเป็นอีกาจิกหมาเน่าลอยไปใกล้โรงพิธี พระเชษฐาเห็นเข้าก็คงจะทรงพระอ้วกแตกแน่นอน แล้วก็คงรีบเสด็จเข้าพระนครลงกา เมื่อลับหอกไม่เสร็จทั้งสี่ด้าน อานุภาพของหอกโมกขศักดิ์ก็ลดน้อยลงพ่ะย่ะค่ะ แต่ก็มีฤทธิ์เดชกว่าสามง่าม หรือหอกธรรมดามากมายนัก”
พระจักรกฤษณ์ทรงแย้มพระสรวล ทอดพระเนตรหนุมานทหารเอก และองคตซึ่งกำลังนั่งอ้าปากหวออยู่เบื้องหน้าที่ประทับ พร้อมด้วยทหารลิงพวก ๑๘ มงกุฎ.
“ที่ข้ากับพิเภกพูดกัน เจ้าทั้งสองได้ยินแล้วไม่ใช่หรือ”
หนุมานยกเท้าขวาเกาศีรษะพลางทูลพลาง.
“ได้ยินแล้ว พ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้ายังงั้น เจ้าทั้งสองรีบไปทำลายล้างพิธีลับหอกโมกขศักดิ์ของกุมภกัณฐ์ได้ ถ้าเจ้าทั้งสองทำงานสำเร็จกลับมาข้าจะให้รางวัลแอ็ปเปิลออสเตรเลียคนละ ๒ ลูก”
หนุมานกับองคตต่างกราบถวายบังคมพระจักรี แล้วคลานถอยไปจากสุวรรณพลับพลา

                                                                      กุมภกัณฐ์

     (บทพากย์) ลูกพระพายและหลานอมรินทร์ เหาะมายังถิ่นศรีทันดร สองวานรก็พากันลงสู่ริมฝั่ง มองเห็นโรงพิธีตั้งอยู่เบื้องหน้า หนุมานก็ยอกรร่ายเวทวิทยา จำแลงแปลงเป็นหมาตายมาหลายวัน ขึ้นอึ้ดทึ่ดหนอนและแมลงวันเกาะกิน ฝ่ายองคตพานรินทร์ไม่รอช้า ประนมหัตถ์ว่าคาถาพึมพำ แล้วหลานพระอินทร์ก็กลายเป็นกาดำเกาะหมาเน่า ส่งกลิ่นเหม็นไม่บันเบาน่าคลื่นเหียน กระแสชลพาวนเวียนไปติดอยู่หน้าพลับพลาใหญ่และเหม็นคลุ้ง อุปราชแลเห็นก็รากพุ่งผุดลุกจากแท่น คว้าหอกโมกขศักดิ์วิ่งตูดแป้นลงจากพลับพลา ไคลคลากลับคืนพระนคร เมื่อนั้น...เชิด
ถึงแม้ถูกทหารพระนารายณ์มาทำลายพิธี ถึงแม้ว่าหอกโมกขศักดิ์อันเรืองฤทธิ์ลับได้เพียง ๓ ด้าน เหลืออยู่อีกด้านเดียวกุมภกัณฐ์ก็พอพระทัยแล้ว พระองค์ทรงกริ้วโกรธรามลักษณ์อย่างยิ่ง ที่ใช้ทหารปลอมเป็นหมาเน่า และอีกาลอยมาหน้าพลับพลาพิธี ทำให้พระองค์คลื่นไส้อาเจียนอยู่หลายชั่วโมง ไม่ยอมเสวยพระกระยาหาร เสวยแต่เหล้าอย่างเดียว ทรงนึกถึงหมาเน่าทีไรก็ทำคอขย้อนอยากจะอ้วก.
ตอนเย็นวันต่อมา.
ที่ค่ายของพระราม พระลักษมณ์ ขณะที่สองพระองค์เสด็จเยี่ยมเยือนทุกข์สุขของพวกอ้ายจ๋อทั้งหลาย เสียงโห่ร้องของไพร่พลยักษ์ก็ลอยมาตามลม เท่าที่ฟังจากสียงโห่ทำให้พระรามรู้สึกว่ากองทัพยักษ์ที่ยกออกมานี้มีไพร่พลมิใช่น้อย และกุมภกัณฐ์ มหาอุปราชคงเป็นจอมทัพคุมมาแน่นอน แต่เพื่อให้แน่พระทัยจึงรับสั่งถามพิเภกโหราจารย์.
“ทัพกุมภกัณฐ์พี่ชายของเจ้าใช่ไหม พิเภก”
“ใช่ พ่ะย่ะค่ะ”
“กุมภกัณฐ์มีหอกโมกขศักดิ์มาหรือเปล่า”
“มี พ่ะย่ะค่ะ”
พระจักรีสะดุ้งโหยง พระพักตร์ซีดเผือดเพราะกลัวตาย พระองค์ทรงฝืนยิ้มให้พระอนุชา และรับสั่งว่า.
“เป็นโอกาสของเธอแล้วพระลักษณ์ ยกทัพออกไปรบกับกุมภกัณฐ์เถิด พี่เชื่อว่าเธอคงจะฆ่ามันได้โดยไม่ยากลำบากอะไรนัก เพราะฝีมือฉมังธนูของเธอก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพี่”
พระลักษณ์ก็ทรงรู้สึกเช่นเดียวกับพระราม คือกลัวตาย.
“ขอเดชะ หม่อมฉันคิดว่า เสด็จพี่ยกทัพออกไปเองดีกว่า กุมภกัณฐ์เป็นมหาอุปราชควรจะตายด้วยน้ำมือของเสด็จพี่”
พระรามชักฉิว.
“ถูกละ มันเป็นอุปราช และเป็นน้องเจ้านครลงกา เธอก็เป็นอุปราชอยุธยา และเป็นน้องของพี่ย่อมมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน กุมภกัณฐ์มันต่ำชั้นกว่าพี่ จะให้พี่ออกไปรบกับมันได้อย่างไร เตรียมตัวยกทัพออกไปเถอะ”
พระลักษณ์ทรงยิ้มแห้งแล้ง.
“เอาก็เอา” รับสั่งเสียงอ่อยน่าสงสาร.
ในชั่วโมงนั้นเอง ทัพลิงก็เคลื่อนพลออกจากค่ายหลวง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องเสียงฆ้องเสียงกลอง นักรบลิงล้วนแต่คึกคักเข้มแข็ง ส่วนมากเปลือยกายล่อนจ้อนตามประสาลิง เว้นแต่ตัวนายที่เป็น ๑๘ มงกุฎเท่านั้นที่

                                                                            พระราม


 แต่งตัวสวยงาม พระลักษณ์ประทับอยู่บนรถศึกอีกคันหนึ่งเทียมม้า ๒ ตัว พวกลิงได้ช่วยกันสร้างรถทรงคันนี้ด้วยฝีมือหยาบๆ สารถีเป็นนายทหารลิงชั้นนายหมู่ แต่ไม่ใช่พวกอัศวินหรือ ๑๘ มงกุฎ พระลักษมณ์นั่งปอดลอยอยู่บนรถศึกตลอดเวลา ยิ่งเข้าเขตสนามรบแลเห็นกองทัพยักษ์ตั้งขบวนอยู่ข้างหน้า พระอนุชาก็อกสั่นขวัญแขวน พลยักษ์มากมายเกลื่อนกลาดไปทั่วท้องทุ่ง แต่พลลิงมีเพียงหมื่นตัวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามกองหน้าของพระลักษมณ์ ล้วนแต่เป็นทหารลิงชั้นดีที่คัดเลือกแล้ว คือลิงอันธพาล และลิงจิ๊กโก๋ทั้งหลาย กล้าหาญเข้มแข็งดุร้าย ไว้ผมเป็นกระเซิง และดัดผมเป็นลอน ส่วนมากไม่มีอาวุธ เพราะเชื่อฝีมือ และความว่องไวของตัวเองที่จะแย่งอาวุธของยักษ์มาใช้ได้ เมื่อเกิดสู้รบกันแบบตะลุมบอน.
ในที่สุดทัพลิงก็หยุดเผชิญหน้ากับทัพยักษ์ในระยะห่างพอสมควร พระยากุมภกัณฐ์สั่งให้สารถีขับรถเคลื่อนออกมาหาพระลักษมณ์ทันที แล้วรับสั่งกับสารถี.
“เฮ้ย พระรามตัวมันเขียวนี่หว่า อ้ายนั่นมันตัวเหลืองอ๋อย”
“พระลักษมณ์ พ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่พระราม”
“งั้นเรอะ ก๊อหวานกูน่ะซี มึงคอยดู กูจะพุ่งด้วยหอกโมกขศักดิ์ จั๊กเดียวหล่นจากรถเลย แต่จะต้องมีการเจรจากันนิดหน่อยตามธรรมเนียมก่อน ตัวโตกว่าลูกหมานิดเดียวจะมาสู้อะไรกู เมื่อปีก่อนพระลักษมณ์ก็ถูกอินทรชิตหลานกูเล่นงานด้วยศรนาคบาสมาทีหนึ่งแล้ว”
พระลักษมณ์ฝืนพระทัยรับสั่งให้สารถีลิงขับรถเข้ามาหากุมภกัณฐ์ แล้วพระองค์ก็ลุกขึ้นยืน ทรงหยิบลูกธนูในกระบอกที่สะพายอยู่ข้างหลังออกมาหนึ่งดอก เตรียมพร้อมที่จะยิงกุมภกัณฐ์.
รถศึกทั้งสองคันอยู่ห่างจากกันราว ๕ เมตร กุมภกัณฐ์ยืนเด่นเป็นสง่า พระหัตถ์ขวาถือพระแสงหอกโมกขศักดิ์ พระพักตร์ที่มองดูพระลักษมณ์นั้นเต็มไปด้วยความมั่นพระทัย ที่จะได้ชัยชนะพระอนุชาของพระจักรี.
อุปราชมหานครลงกาทรงพระสรวลอย่างยิ้มเยาะ.
“ท่านน่ะหรือคือพระลักษมณ์”
“ถูกแล้ว เราคือพระลักษมณ์น้องพระราม”
กุมภกัณฐ์สั่นพระพักตร์.
“ท่านไม่น่าเป็นนักรบเลย ผอมกะหร่องจนเห็นซี่โครงพะเยิบพะยาบ ผิวเนื้อก็เหลืองผิดปกติ สงสัยว่าท่านคงสูบเฮโรอีนหรือม่ายก็สูบฝิ่นเป็นแน่ จงถอยทัพกลับไปบอกให้พระรามออกมาสู้รบกับเราดีกว่า”
พระลักษมณ์กระทืบบาทแล้วตะโกนสุดเสียง แต่เสียงของพระองค์แหบเครือ.
“เหม่...กุมภกัณฐ์ ท่านก็ชายเราก็ชายไม่น่าจะดูหมิ่นเชิงชายกันถึงเพียงนี้” รับสั่งจบก็ร้องโอยแล้วทรงไอแค็กๆ “มา...มารบกัน เราจะฆ่าท่านด้วยศรของเรา”.
กุมภกัณฐ์หัวเราะงอหาย.
“ยังไม่ทันรบเลย ส่งเสียงดังหน่อยหอบซี่โครงบานแล้ว ท่านน่ะเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ไง๋ริสูบเฮโรอีน มันเป็นยาเสพย์ติดที่จะทำลายชีวิตท่าน ทำลายมันสมอง และจิตใจของท่าน ตลอดจนร่างกายของท่าน คนที่สูบเฮโรอีนก็คือคนที่ฆ่าตัวเอง อย่างช้าอีกสามปีท่านก็ม่องเท่ง”

                                                                            สีดา

     พระลักษมณ์โกรธมากแข็งใจลงจากรถศึก ร้องตะดอกบอกพลลิงโจมตียักษ์กุมภกัณฐ์ตะโกนบอกพลยักษ์ให้ประจัญบานกับพวกลิงทันที ศึกตะลุมบอนระหว่างลิงกับยักษ์เริ่มต้นแล้ว ส่งพระลักษมณ์กับกุมภกัณฐ์ก็เข้าสู้รบกัน.
เมื่อได้โอกาสมหาอุปราชก็พุ่งหอกโมกขศักดิ์ ถูกพระอุระของพระลักษมณ์อย่างถนัดเสียงดังฉึก พระลักษมณ์เซแซ่ดๆ ถอยหลังออกไปหลายก้าว แล้วล้มลงสิ้นสติสมประดี พวกสิบแปดมงกุฎหลายตัวได้ช่วยกันคุ้มกันห้อมล้อมพระลักษมณ์ไว้ ส่วนหนุมาน, สุครีพ, องคต, ชมพูพาน, นิลนนท์, นิลเอก, นิลขันธ์, ปิงคลา แลเห็นพระลักษมณ์ถูกหอกก็เดือดดาลช่วยกันโจมตีกองทัพลงกา
กุมภกัณฐ์ได้รับชัยชนะแล้วก็สั่งกองทัพล่าถอยใช้วิธีสู้พลางหนีพลาง ในที่สุดสุครีพซึ่งป็นห่วงพระลักษมณ์ ก็สั่งให้ทหารแตรเป่าแตรสัญญานเรียกระดมพลลิงทั้งหมด การสู้รบจึงสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้.
ที่สุวรรณพลับพลาหรือที่ค่ายใหญ่ของพวกลิง.
พระรามกำลังนั่งเล่นหมากรุกกับพิเภกอย่างสนุกสนาน ซึ่งพิเภกแกล้งเดินให้กินเอาอกเอาใจเจ้านาย
พระรามเข้าใจว่าพระองค์มีชั้นเชิงหมากรุกเหนือกว่าพิเภก ก็ทรงเดินอย่างสนุกสนานอย่างยิ่ง กินเอา ๆ กินม้ากินโคนและขุน แล้วพิเภกก็ยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข.
พอเริ่มตั้งหมากเพื่อเริ่มกระดานใหม่ พระจักรีก็ทอดพระเนตรเห็นนิลนนท์ทหารเอกหนึ่งในสิบแปดตัวของพระองค์เดินร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมาบนพลับพลา พระรามแปลกพระทัยอย่างยิ่ง ทรงเป็นห่วงพระอนุชาของพระองค์ทันที.
“นิลนนท์” รับสั่งขึ้นดังๆ
ขุนกระบี่ทรุดตัวลงนั่งกราบถวายบังคมแล้วทูลพลางร้องไห้พลาง.
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า ท่านแม่ทัพได้ใช้ให้ข้าพระองค์มากราบทูลว่า พระอนุชาถูกหอกโมกขศักดิ์ของกุมภกัณฐ์สิ้นพระชนม์ในที่รบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
พระอวตารเย็นวาบไปทั่วพระองค์.
“พระลักษมณ์ พระลักษมณ์น้องข้าตายเสียแล้ว โธ่ไม่น่าจะแพ้ยักษ์เลย” แล้วพระองค์ก็กันแสง.
พิเภกซักถามรายละเอียดนิลนนท์จากการสู้รบในสมรภูมิ หรือแนวรบด้านตะวันตก แล้วเขาก็จับยามดู ในที่สุดโหราจารย์ก็กราบทูลพระนารายณ์.
“ขอเดชะ พระอนุชายังไม่สิ้นพระชนม์หรอกพ่ะย่ะค่ะ”
พระรามหยุดกันแสงทันที.
“หา เจ้าว่ายังไงนะพิเภก น้องข้ายังไม่ตาย”
“พ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่สลบไปเท่านั้น รีบเสด็จไปสนามรบเถอะพ่ะย่ะค่ะ ข้าพระองค์จะหาทางแก้ไขให้”
พระรามพาพิเภกและนิลนนท์ออกจากสุวรรณพลับพลาโดยด่วน วิ่งบ้างเดินบ้างมุ่งตรงไปยังสนามรบ สักครู่ใหญ่ๆ ก็มาถึง พวกทหารลิงทั้งกองทัพกำลังร้องไห้ฟูมฟายไปตามกัน เมื่อพระรามเสด็จเข้ามายังที่พระลักษมณ์นอนสิ้นสติอยู่บนพื้นดิน พวก ๑๘ มงกุฎก็กราบถวายบังคมโดยทั่วหน้ากัน พระจักรีทรุดองค์ลงนั่งประคองพระอนุชาแล้วรำพัน.

                                                                           มณโฑ


     “เจ้าลักษมณ์เอ๋ย เพราะพี่กลัวตายใช้ให้น้องออกมารบ น้องก็เลยรับเคราะห์ถูกหอกโมกขศักดิ์แทนพี่ โธ่-ปักแน่นเสียบอกดึงเท่าไรก็ไม่เขยื้อน” แล้วพระองค์ก็หันมารับสั่งกับโหราจารย์ “ช่วยน้องข้าซีพิเภก ทำยังไงดีล่ะ”
พิเภกนิ่งคิดอยู่สักครู่.
“ขอเดชะ ขณะนี้ก็พลบค่ำเข้าไต้เข้าไฟแล้วพ่ะย่ะค่ะ เราจะช่วยพระอนุชาได้ก็ต้องก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้ ถ้าหากพระอาทิตย์ขึ้นยังแก้ไขให้พระอนุชาฟื้นไม่ได้พระอนุชาก็ต้องสิ้นพระชนม์”
“ก็ช่วยแนะนำข้าต่อไปซี ทำอย่างไรถึงจะทำให้หอกหลุดออกมาได้ ข้าคิดว่าสุวรรณหงส์ถูกหอกก็คงจะไม่หนักหนาถึงอย่างนี้”
“ขอเดชะ หอกจะหลุดออกมาได้ก็ต้องใช้สมุนไพรบนยอดเขาพระสุเมรุสองชนิด มาตำแล้วพอกที่แผล สมุนไพรนั้นก็คือสังกรณีและตรีชวาพ่ะย่ะค่ะ เป็นพฤกษชาติวิเศษย้ายที่ของมันได้เอง ต้องใช้ให้หนุมานไปเก็บด้วยวิธีเรียกหาต้นสังกรณีตรีชวาแล้วพยายามค้นหาให้พบแต่หนุมานจะต้องเสียเวลามาก อาจจะเก็บยาได้ในตอนเช้า ข้าพระองค์คิดด้วยเกล้าว่า หนุมานจะต้องไปเฝ้าพระอาทิตย์ทูลขอร้องให้พระองค์อย่าพึ่งชักรถจนกว่า หอกโมกขศักดิ์จะหลุดออกจากพระอุระของพระอนุชา”
พระรามรับสั่งกับลูกพระพายทันที.
“เจ้าได้ยินแล้วไม่ใช่หรือที่พิเภกพูดกับข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ดีแล้ว จงไปค้นหาสังกรณีตรีชวาที่เขาพระสุเมรุในคืนนี้ ถ้าหาไม่ได้พอรุ่งสว่างให้เจ้ารีบไปเฝ้าพระอาทิตย์ทูลขอร้องให้พระองค์หยุดรถไว้ก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเถอะหนุมาน กองทัพของเราจะหยุดยั้งอยู่ที่นี่ และข้าจะรอคอยเจ้าด้วยความหวังน้องของข้าจะรอดตายหรือไม่ก็อยู่ที่ความสามารถของเจ้าเท่านั้น”
คำแหงหนุมานเหาะขึ้นจากสนามรบบ่ายโฉมหน้าตรงไปยังเขาพระสุเมรุ ซึ่งมองแลเห็นอยู่สุดขอบฟ้าเบื้องหน้าโน้น ยอดเอเวอเรสต์สูง ๒๙,๑๔๑ ฟุต เสียดแทงทะลุกลุ่มเมฆขึ้นไปมองเห็นสูงเด่น เขาพระสุเมรุก็คือหิมาลัยนั่นเอง.
ตลอดคืนวันนั้น หนุมานได้ใช้ความพยายามค้นหายาวิเศษชื่อสังกรณีตรีชวา จนสุดความสามารถ เมื่อเขาร้องตะโกนเรียกต้นยาวิเศษก็ขานรับ แต่พอเข้าไปหาตามเสียงที่ดังมาก็ไม่พบ.
“สังกรณีตรีชวาโว้ย อยู่ไหนโว้ย”
“อยู่นี่โว้ย” ต้นยาขานรับเสียงลั่นขุนเขา “มานี่ซีโว้ยอ้ายจ๋อ”
มีการเรียกและการขานรับอยู่อย่างนี้จนรุ่งสว่าง หนุมานนึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าพระอาทิตย์ส่องแสงถูกพระลักษมณ์เมื่อใดพระอนุชาก็จะสิ้นพระชนม์เมื่อนั้น คิดแล้วลูกพระพายก็เหาะจากเขาพระสุเมรุไปหาพระอาทิตย์ และพยายามเหาะเร็วที่สุดถึงชั่วโมงละ ๗๐๐ ไมล์ขนาดความเร็วของเครื่องบินไอพ่นประจัญบาน  ๖.๓๐ น. ตรง

                                                                          พระลักษณ์


     พระอาทิตย์ทรงขับรถออกจากหน้าวิมานของพระองค์แล้ว เทียมด้วยเทพสินธพสีดำมะเมื่อมถึง ๔ ตัว องค์สุริยะเจ้าทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์อย่างซ้ำ ๆ ซาก ๆ หลายกัปหลายกัลปแล้ว พระพักตร์ของพระองค์มีแสงอันร้อนแรงมากมายมายังโลกมนุษย์ ช่วยให้ส่ำสัตว์และมนุษย์ทั้งหลายมีชีวิตอยู่ได้ นอกจากนี้แสงของพระองค์ยังมีคุณประโยชน์มากมายเหลือที่จะกล่าว เป็นต้นว่าเผาน้ำให้กลายเป็นไอ และทำให้เกิดเป็นฝนตกลงมา พืชและสิ่งที่มีชีวิตต้องอาศัยพระองค์ทั้งนั้น.
พระองค์ขับรถเหาะมาเรื่อย ๆ เริ่มต้นทางทิศตะวันออกโคจรรอบโลกมนุษย์ เมื่อทรงรู้สึกว่าท้ายรถทรงของพระองค์สั่นไหวเหมือนมีอะไรถ่วง พระองค์ก็หันพระพักตร์ไปทอดพระเนตรอย่างแปลกพระทัย.
คำแหงหนุมานเกาะอยู่ที่ท้ายรถ แต่แล้วแสงอันร้อนแรงจากพระพักตร์เทพเจ้าสุริยะที่เผาไหม้ร่างกายของหนุมานเป็นผุยผงไปในพริบตาเดียว คงมีแต่ขนเพชรและเขี้ยวแก้วลอยอยู่เท่านั้น.
พระอาทิตย์ทรงพระสรวลลั่นฟ้า.
“ชะช้า นึกว่าใครเสียอีก เจ้าหรอกหรือหนุมาน นึกขลังยังไงขึ้นมาวะอ้ายหลานชายถึงได้มายึดรถข้า ปล่อยโว้ยม้ามันตื่น”
“สวัสดีพ่ะย่ะค่ะเสด็จอา พระรามใช้ให้หม่อมฉันมาทูลขอร้องเสด็จอาให้หยุดชักรถไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ พระลักษมณ์ถูกหอกโมกขศักดิ์กุมภกัณฐ์นอนสลบอยู่ที่สนามรบ หม่อมฉันจะต้องเก็บยาสังกรณีตรีชวาไปให้พิเภกบดมาแผลที่หอก หอกถึงจะหลุดออกมาได้”
“แล้วกัน” เทพสุริยะทรงอุทาน “รบยังไงวะถึงได้เสียทียักษ์ได้ พระลักษมณ์ยังสูบเฮโรอีนอยู่หรืออ้ายหลานชาย”
“เลิกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทรงเสวยใบกระท่อมแทน”
“นั่นน่ะซี ถึงได้ผอมกระหร่องเอวบางร่างน้อยมองดูคล้าย ๆ กะเทย อาหยุดรถไม่ได้หรอกหนุมาน เพราะอาจะต้องทำงานส่องโลกตามเวลา”
“โธ่-เสด็จอาช่วยหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
พระอาทิตย์หันพระพักตร์ไปทางหน้ารถ หนุมานเป็นโอรสพระพายใครจะฆ่าจะฟันหรือถูกอะไรก็ไม่ตาย เมื่อพระสุริยะหันพระพักตร์ไป เขาก็กลับคืนร่างเป็นพระยาลิงเผือกโหนรถทรงพระอาทิตย์ตามเดิม.
“อาจะช่วยก็ได้โว้ยหนุมาน แต่พระรามก็ต้องช่วยอาบ้าง”
หนุมานลอบค้อนพระอาทิตย์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของเขา คือเป็นผู้น้องของพระพายผู้เป็นบิดาของหนุมานนั่นเอง.
“เสด็จอาจะเอาสักเท่าใด”
“สองหมื่นโว้ย”
“ตกลงพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะไปกราบทูลพระรามตามนี้ เงินสองหมื่นเพื่อช่วยชีวิตพระอนุชาพระองค์คงยินดีจ่ายให้เสด็จอาโดยดี แล้วมะรืนนี้หม่อมฉันจะนำมาถวาย”
“พรุ่งนี้ซีโว้ยไม่ใช่มะรืน”
หนุมานจุ๊ปาก

                                                     สุครีพ


     “เสด็จอาก็ พรุ่งนี้มันวันอาทิตย์แบ็งค์ปิด มะรืนนี้ก่อนเที่ยงหม่อมฉันจะเอามาถวายเสด็จอาขับรถไปถึงไหนหม่อมฉันก็เหาะตามทัน”
“อือ ดีมาก จ่ายเงินสดนะ เช็คอาไม่เอา ไม่ใช่ว่ากลัวเช็คเด้ง หรือเช็คสปริงหรอกแต่กลัวถูกพระพรหมท่านสอบสวนทีหลัง จ่ายเช็คมันเป็นหลักฐานมัดตัวอา เงินสดดีกว่า เจ้ารีบไปเก็บใบยาเถอะอ้ายหลานชาย อาจะชักรถเข้ากลีบเมฆและขับช้า ๆ ถ่วงเวลาให้ สมัยนี้มันต้องพูดกันด้วยเงินโว้ย”
คำแหงหนุมานผละจากรถทรงของพระสุริยะเจ้า เหาะตรงไปยังขุนเขาพระสุเมรุอีกครั้ง ขณะนี้แสงเงินแสงทองส่องฟ้าแล้ว มองแลเห็นสิ่งต่าง ๆ บนพื้นปถพีอย่างเลือนราง วายุบุตรเหาะลงที่เชิงเขาพระสุเมรุแล้วจำแลงแปลงตัวใหญ่โตเกือบเท่าขุนเขาหางยาวหลายโยชน์ ยืนหยักรั้งตั้งท่าร้องตะโกนเรียกต้นยาวิเศษ.
“สังกรณีตรีชวาโว้ย พระรามให้ข้ามาเชิญเอ็งไปรักษาพระลักษมณ์อยู่ที่ไหนขานรับหน่อยซี”
เสียงยาวิเศษขานรับอยู่บนยอดเขา.
“หยูฮู หยูฮู...ขึ้นมาซีอ้ายจ๋อ”
หนุมานร้องเรียกอีก พอได้ยินเสียงขานรับก็ใช้หางตวัดรัดขึ้นไป และด้วยความสามารถพิเศษของลิงชั้นดีที่เป็นลูกพระพาย หนุมานก็เอาหางทึ้งต้นยาสังกรณีตรีชวามาได้อย่างละต้น.
“ปู้โธ่ กูนึกว่าต้นไม้วิเศษ พิเภกเรียกชื่อเสียโก้ทีเดียว สังกรณีตรีชวา ที่แท้มันก็ต้นกระท่อมและต้นกัญชานี่เอง”
หนุมานรีบนำพฤกษชาติวิเศษทั้งสองต้นเหาะไปยังสมรภูมิทันที.
อีกครั้งหนึ่งที่พระลักษมณ์รอดชีวิตได้เพราะพิเภก และความสามารถของวายุบุตรทหารเสือของพระรามนั่นเอง.
พิเภกได้บดใบสังกรณีตรีชวาจนละเอียดผสมกับน้ำนิดหน่อย แล้วพอกแผลที่หน้าอกพระลักษมณ์รอบ ๆใบหอก สักครู่เมื่อพิเภกจับด้ามหอกดึงเบา ๆ หอกโมกขศักดิ์ก็หลุดออกมาจากพระอุระของพระอนุชา พระลักษมณ์ฟื้นคืนสติทันที พลลิงต่างกระโดดโลดเต้นดีอกดีใจโห่ร้องกันเกรียวกราวทั่วทั้งกองทัพ ส่วนพวกยักษ์กองคอยเหตุสามสี่คนที่แอบซ่อนตัวสังเกตการณ์อยู่ที่ชายป่า แลเห็นพระลักษมณ์รอดตายฟื้นขึ้นมาได้ ก็แปลกใจไปตามกัน.
ยักษ์นายหมู่กล่าวกับลูกน้องของมันว่า.
“สงสัยเสียแล้วโว้ย พระพรหมคงอมหอกโมกขศักดิ์ของเจ้านายเราเป็นแน่ หอกเล่มนี้อาจเป็นหอกปลอมก็ได้ถึงไม่มีฤทธิ์ ยังงี้ใช้สามง่ามดีกว่า ไปเถอะเว้ยพวกเรา รีบไปทูลให้มหาอุปราชทรงทราบ.
ชาตาชีวิตของขุนยักษ์กุมภกัณฐ์ที่ถึงกำหนดอายุขัยตามพรหมลิขิต ทำให้อุปราชนครลงกาเห็นผิดเป็นชอบเข้าข้างพระเชษฐามีใจเจ็บร้อนแทนกัน และอาฆาตพยาบามพระรามพระลักษมณ์
สองพี่น้องวันตายของกุมภกัณฐ์มาถึงแล้ว.
พระองค์ยกทัพใหญ่เคลื่อนพลออกจากลงกาในตอนสาย ตรงมายังสมรภูมิด้านตะวันตกซึ่งตามเวลาที่กล่าวนี้อีแร้งนับร้อยกำลังลงกินซากศพยักษ์และลิงในสนามรบ ทัพยักษ์ในวันนี้รู้สึกเงียบเหงาไป มีลางสังหรณ์หลายอย่าง ราชสีห์ ๗ ตัวที่เทียมราชรถของกุมภกัณฐ์ก็เห่าเป็นเสียงสุนัข แทนที่จะคำรามแบบสิงโตหรือราชสีห์ ลมสงัด

                                                          หนุมาน

     ธงทิวไม่สะบัดเลย ช้างศึกและม้าศึกหลายตัวน้ำตาไหลพราก เสียงโห่ร้องของไพร่พลเหมือนเสียงร้องไห้ตอนที่นำศพลงมาจากเรือน นายหมวดนายหมู่และนายกองยักษ์หง็อยเหงาไปตามกัน.
ลางสังหรณ์เหล่านี้ทำให้มหาอุปราชลงกาเสียขวัญ แต่เมื่อทรงคิดได้ว่าพระองค์เป็นยักษ์หน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ พระองค์ก็มีทิฐิมานะตัดสินพระทัยสู้ตาย.
กุมภกัณฐ์สั่งหยุดพักกลางทุ่งกว้าง แล้วสั่งไพร่พลทั้งหลายให้โห่ร้องขึ้น ต่อจากนั้นทหารยักษ์ก็พักผ่อนสนทนากันอยู่เหมือนซังกะตายพูดคุยกัน มหาอุปราชทรงลูบคลำตะบองคู่พระหัตถ์ เตรียมตีคอต่อพระรามและพระลักษมณ์ แล้วพระองค์ก็รับสั่งถามสารถี.
“เฮ้ย อ้ายยักษ์ พระรามน่ะมันยิงธนูแม่นนักหรือ”
“ขอเดชะ ข้าพระองค์ไม่เคยเห็นพ่ะย่ะค่ะ เคยได้ยินแต่เขาเล่าลือกัน”
“เออ เขาว่ายังไง”
“แม่นมากพ่ะย่ะค่ะ แมลงหวี่ตัวเล็กๆบินอยู่ในอากาศยังยิงเสียบทะลุอก”
“ถึงยังงั้นเชียวเรอะ แย่ละโว้ยกู ลืมใส่เสื้อเกราะมาเสียด้วย วันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรช่างขี้หลงขี้ลืมเสียจริงๆ กางเกงในก็ลืมนุ่ง รองเท้าก็ใส่ผิดข้างมึงดูซี แดงข้างนึงดำข้างนึง ก่อนออกจากเมืองก็ไม่ได้ทูลลาเสด็จพี่ วันนี้กูถ้าจะม่องเท่งแน่”
เวลาผ่านไปทีละน้อย พอใกล้จะถึงเที่ยงวันกองทัพลิงก็ปรากฏขึ้น เกลื่อนกลาดไปทั่วยุทธบริเวณ เสียงโห่ร้อง เสียงฆ้องกลอง เสียงเถิดเทิงหรือกลองยาวดังกึกก้อง พวกลิงต่อตัวกันเป็นสามสี่ตัว แล้วตัวบนก็แสดงปาหี่หกคะเมน ตีลังกาแยกเขี้ยวยิงฟันอย่างสนุกสนาน พวก ๑๘ มงกุฎจับแรดหรือช้างป่ามาขี่เล่น ทหารลิงสัพยอกหยอกล้อกันมาตลอดทาง.
สองพระองค์รามลักษมณ์ประทับอยู่บนรถศึกคันเดียวกัน สุครีพ, หนุมาน, และพิเภกเดินตามรถศึกอย่างใกล้ชิด เมื่อกองทัพวานรอยู่ไม่สุขเคลื่อนเข้ามาใกล้จะถึงกองทัพยักษ์ พระยาสุครีพก็สั่งพลแตรเดี่ยวให้เป่าแตรหยุดเคลื่อนขบวน.
ทัพทั้งสองประจันหน้ากันแล้ว พวกลิงแหกหูแหกตาแยกเขี้ยวยิงฟันหลอกยักษ์ ส่วนทหารยักษ์ยืนดูเฉยๆ จะแหกหูแหกตาหลอกบ้างก็ขาดความชำนาญ พระรามสั่งให้สารถีขับรถศึกค่อย ๆ เคลื่อนเข้าไป ในเวลาเดียวกันนั้นเองกุมภกัณฐ์ก็ตะโกนสั่งการทหารยักษ์.
“ตะลุมบอนโว้ยพวกเรา ฆ่าอ้ายจ๋อให้หมด”
สุครีพร้องตะโกนขึ้นบ้าง.
ลิงกับยักษ์รบกันแล้ว พระรามถือศรกระโจนลงจากรถศึกอย่างคล่องแคล่วว่องไวทรงกวักพระหัตถ์เรียกอุปราชลงกา.
“ลงมากุมภกัณฐ์ ลงมารบกับข้าตามที่ท่านปรารถนา”
กุมภกัณฐ์ลังเลใจรับสั่งถามสารถี.
“เฮ้-พระรามเป็นพระนารายณ์จริง ๆ กระมังโว้ย”
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ มนุษย์เดินดินกินข้าวแฝ่ธรรมดานี่เอง”
                                                       กุมภกัณฐ์




      “แต่ตัวมันเขียวนี่หว่า”
“เอาสีทาได้พ่ะย่ะค่ะ ทาหลอกพวกลิงให้หลงเชื่อว่าเป็นพระนารายณ์ พระองค์เป็นยักษ์ปริญญาโทไม่น่าจะสงสัยเลย สู้เขาพ่ะย่ะค่ะ”
กุมภกัณฐ์กระโจนลงจากรถศึก พระรามปราดเข้าตีด้วยคันศรทันที อุปราชลงกายกตะบองขึ้นรับ การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด พระรามหลบตะบองได้อย่างหวุดหวิด ใช้กลยุทธมวยไทยเตะถูกหน้ากุมภกัณฐ์ได้ทีหนึ่งเสียงดังฉาด ขุนยักษ์เซถลาออกไป.
ในเวลาเดียวกันนี้เองพวกลิง ๑๘ มงกุฎ ก็บุกตะลุยเข่นฆ่าพวกยักษ์ล้มตายเกลื่อนกลาด
ยักษ์ต่อยลิงเตะตรงกระจับ
ดังพับอสุราทำหน้าเขียว
ลิงฟัดกัดยักษ์ตัวเป็นเกลียว
ฝังเขี้ยวลงที่คอล่อยักษ์ยับ
ชุลมุนฝุ่นฟุ้งสนามรบ
ยักษ์หลบลิงหลอกเจอศอกกลับ
ยักษ์หนีลิงไล่ไปลิบลับ
ยักษ์ถอยทัพลิงรุกบุกตะลุย
พระรามกับกุมภกัณฐ์ยังสู้กันอย่างทรหด ผลัดกันรุกผลัดกันรับตลอดเวลา จนกระทั่งครั้งหนึ่งพระรามหวดกุมภกัณฐ์ด้วยคันศรเต็มเหนี่ยว จอมอสูรซวนเซถอยหลังออกไปหลายก้าวถึงกับล้มลงก้นกระแทกพื้น แต่แล้วก็รีบลุกขึ้นมา ทันใดนั้นเอง พระจักรีก็ทรงใช้ความว่องไวแผลงศรพรหมาสตร์ อันเป็นลูกศรสังหารถูกหน้าอกกุมภกัณฐ์ทะลุออกทางเบื้องหลังอย่างแรง.
อุราชแห่งพระนครลงกาล้มลงอีก ทัพลิงไล่โจมตีทัพยักษ์แตกพ่ายกระจัดกระจายในตอนนี้เอง กุมภกัณฐ์ทรงได้รับความเจ็บปวดรวดร้าวด้วยพิษศรอย่างยิ่ง พระองค์ทรงทอดพระเนตรองค์พระรามและหายใจถี่เร็ว แล้วกุมภกัณฐ์ก็แลเห็นพระรามกลายเป็นองค์นารายณ์ มีสี่กรทรงตรี, คทา, จักร, สังข์
มหาอุปราชคลานเข้ามากราบถวายบังคม.
“ขอเดชะ ข้าพระองค์พึ่งทราบเกล้าเดี๋ยวนี้เองว่าพระองค์คือพระนารายณ์อวตารลงมา ขอได้โปรดอภัยให้ข้าพระองค์เถิด”
พระจักรีกลายร่างเป็นพระรามตามเดิม.
“ข้าอภัยให้เจ้าแล้วกุมภกัณฐ์ เวรเวลาของเจ้าทำให้เจ้าต้องตายด้วยมือเรา อย่าเสียใจเลย ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่สวรรค์”
พิเภกร้องไห้โฮ วิ่งเข้ามาหากุมภกัณฐ์และทรุดตัวลงนั่งประคองพระเศียรขุนยักษ์ผู้เป็นพระเชษฐา.
“เสด็จพี่...เป็นอย่างไรบ้าง”
“ตายน่ะซี” กุมภกัณฐ์รับสั่งเสียงหนักแน่น “โอย...น้องรักของพี่เจ้าคิดถูกแล้วที่เจ้ามาอยู่เป็นข้าองค์พระนารายณ์”



      “โธ่- ก็หม่อมฉันทูลเสด็จพี่แล้วว่าพระองค์เป็นพระนารายณ์อวตารลงมาปราบยักษ์ ถ้าเชื่อหม่อมฉันเสด็จพี่ก็คงไม่ตายหรอก”
กุมภกัณฐ์ทรงกันแสง หันพักตร์ไปทางพระจักรี.
“ขอเดชะ หม่อมฉันขอฝากน้องพิเภกด้วย หม่อมฉัน...หม่อมฉัน...ทูลลาก่อน โปรดอย่าส่งหม่อมฉันไปอยู่สวรรค์เลยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่ชอบหน้าพระพรหม เรียกค่ารักษาหอกโมกขศักดิ์เกือบ ๕,๐๐๐ บาท โอย...โอย...ตายแล้ว”
สิ้นเสียงพระยายักษ์ก็ม่องเท่งในอ้อมแขนของพิเภกโหราจารย์ หนุมานพยักพเยิดบอกพิเภกให้ปลดสร้อยสังวาลและรูดพระธำรงเพชรออกจากพระศพ เพราะถ้าขืนทิ้งไว้ทหารลิง พวกจิ๊กโก๋หรืออันธพาลก็จะถือโอกาสมาปลดเอาไป.
รามเกียรติ์ตอน “ศึกกุมภกัณฐ์” ก็สิ้นสุดความสำคัญแต่เพียงเท่านี้ ถ้าท่านชอบอ่านบทร้อยแก้ว ผมจะเขียนวรรณคดีเรื่องอื่นๆเสนอท่านอีกในโอกาสต่อไป.
                           

                                 ____________________________                                         

                                                                 Sampan Chanpa

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น