วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

รามเกียรติ์ ตอน ศึกกุมภกัณฐ์ ตอนที่ ๑ ( ขำทุกบรรทัด )



                                  
                                           รามเกียรติ์ ตอน ศึกกุมภกัณฐ์


     ท่านเคยอ่านพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์มามากต่อมากแล้ว โดยเฉพาะศึกกุมภกัณฐ์และท้าวมาลีวราชว่าความท่านก็เคยเรียนมาเมื่อเป็นนักเรียน แต่รามเกียรติ์ที่ท่านได้อ่านและศึกษามาแล้วเป็นบทร้อยกรองหรือกวีนิพนธ์ ผมจึงขอเสนอท่านเป็นบทร้อยแก้วบ้างจากเรื่องรามเกียรติ์ตอน ศึกกุมภกัณฐ์ ซึ่งคงจะให้ความสำราญแก่ท่านบ้างไม่มากก็น้อย.

     พออรุณเบิกฟ้า พระเจ้ากรุงลงกาทรงตื่นบรรทมด้วยพระอารมณ์หงุดหงิดวู่วามฉุนเฉียวเหมือนเช่นเคย สิบพระโอษฐ์รับสั่งพึมพำปรารภถึงการณรงค์ที่พระองค์ตกเป็นรองฝ่ายรามลักษณ์ตลอดเวลา.
พระองค์เสด็จเข้าห้องเสวยพร้อมด้วยเอกอัครมเหสีขณะที่วิทยุเทียบเวลา 7.00 น. พอดี พอทอดพระเนตรเห็นพระกระยาหารเช้าบนโต๊ะอาหารพระองค์ก็หัวเสีย.
“นี่อะไรกันมณโฑ เปลี่ยนอาหารเช้าให้พี่เสียบ้างซี ใจคอจะให้พี่กินแต่ช้างทุกๆวันยังงั้นหรือ ดูซิ ช้างทอด แล้วก็สะเต๊กงวงช้าง ไส้กรอกไส้ช้าง แบบไส้กรอกเยอรมัน”
นางมณโฑค้อนขวับ พระนางไม่เคยเกรงกลัวพระสวามีเลย.
“อย่าบ่นนักเลยเสด็จพี่ ทำอาหารจำพวกแรดหรือวัวควายมาให้เสวยก็บ่นว่าไม่อร่อยสู้ช้างไม่ได้ เสด็จพี่น่ะจะเป็นโรคประสาทรู้ไหม ประทับนั่งและเสวยเถอะ”
ทศกรรฐ์กับนางมณโฑทรุดพระองค์ลงนั่งบนพระเก้าอี้ทองเคียงข้างกัน มหาดเล็กยักษ์และนางข้าหลวงยักษ์ยืนเรียงแถวอยู่สองข้างห้องเสวยคอยปรนนิบัติถวายงานพระเจ้ากรุงลงกา พระองค์ทอดพระเนตรสะเต๊กงวงช้างอย่างเบื่อหน่าย แล้วทรงหยิบช้อนส้อมรวม 10 คู่ขึ้นมาถือเริ่มต้นเสวยสะเต๊กงวงช้างเงียบๆ นางมณโฑทรงใช้มีดโต๊ะกับช้อนส้อมอันมหึมาตัดช้างทอดถวายพระสวามี มหาดเล็กนายหนึ่งนำขนมปังปอนด์ขนาดโอ่งน้ำแต่หั่นเป็นชิ้นๆเรียบร้อยเอามาถวาย.
“ขอเดชะ พระองค์จะทรงดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มอย่างอื่นพ่ะย่ะค่ะ”
ทศกรรฐ์ทอดพระเนตรมหาดเล็กยักษ์ร่างสูงใหญ่เท่ายักษ์วัดพระแก้ว.
“เอาน้ำข้าวโว้ย วันนี้ข้าอยากกินน้ำข้าวสักชาม ใส่เกลือนิดหน่อยนะ ใส่แม็คกี้ให้ด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ” มหาดเล็กรับพระคำสั่งแล้วถอยออกไป


      ทันใดนั้นเอง นายทหารยักษ์ในวัยหนุ่มฉกรรจ์สองคนก็บุกเข้ามาในห้องเสวย และหยุดยืนชิดเท้าตรงก้มศีรษะถวายคำนับพระเจ้ากรุงลงกา ทศกรรฐ์และนางมณโฑทอดพระเนตรขุนพลแห่งมหานครบาดาลอย่างแปลกพระทัย.
“เฮ้” ทศเศียรทรงอุทาน “แกไปยังไงมายังไงวะตรีทัพเมฆนาด”
ตรีทัพขุนศึกอาวุโสแห่งนครบาดาลก้มศีรษะถวายบังคมอีกครั้งหนึ่ง.
“เหาะมาพ่ะย่ะค่ะ”
“กูรู้แล้ว” ทศกรรฐ์ตวาดแว๊ด “ขุนยักษ์ผู้มีฤทธิ์มีเวทมนตร์อย่างมึงกับเมฆนาด มาแท๊กซี่หรือมารถเมล์จะเป็นไปได้อย่างไรวะ พระรามยกกองทัพอ้ายจ๋อไปประชิดเมืองบาดาลอย่างงั้นหรือ”
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ” ตรีทัพทูลอย่างเกรงพระราชอาญา แต่สายตามองดูช้างทอดด้วยความหิว เป็นช้างพลายขนาดใหญ่ชุบแป้งทอดกรอบทั้งตัว “ขอเดชะ เมื่อคืนนี้ตอนดึกพระราชนัดดาไมยราพได้เสด็จขึ้นมาจากนครบาดาล ไปที่ค่ายของพระรามพระลักษณ์พ่ะย่ะค่ะ”
“เออ แล้วยังไง”
ตรีทัพหันมากระซิบกับเมฆนาด”
“คุณทูลบ้างซีครับ คุณยืนนิ่งเฉยไม่มีบทพูดอยู่นานแล้ว พูดเสียบ้างอย่าให้พวกมหาดเล็กและนางข้าหลวงมันคิดว่าคุณไม่มีความสำคัญ”
เมฆนาดก้มศีรษะถวายคำนับแล้วทูลฉาดฉาน.
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า พระราชนัดดาได้สะกดทัพพระรามเอาโคโรฟอมโรยไปทั่วอากาศ พวกลิงได้กลิ่นโคโรฟอมก็นอนหลับเป็นตายพ่ะย่ะค่ะ พระราชนัดดาจับพระรามไปยังนครบาดาล...”
ทศกรรฐ์ทรงวางช้อนส้อมตบพระหัตถ์ทั้ง 20 และทรงพระสรวลทั้ง 10 พระโอษฐ์เสียงลั่นห้องเสวย.
“ฮ่ะ ฮ่ะ หลานกูแน่จริงๆ เจ้าสองคนถูกไมยราพใช้ให้มาบอกข้าว่าหลานข้าได้จับพระรามต้มกินแล้วใช่ไหม”
เมฆนาดหน้าจ๋อยไม่กล้ากราบทูล ดังนั้นตรีทัพจึงทูลแทนเพื่อนของเขา.
“ขอเดชะ เพียงแต่เตรียมการต้มพระรามในกระทะใบใหญ่เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ลิงเผือกตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ชื่อหนุมานเป็นทหารเอกของพระรามได้บุกบั่นลงไปยังนครบาดาล และสู้รบกับพระราชนัดดาอย่างดุเดือด ในที่สุดพระราชนัดดาทรงม่องเท่งพ่ะย่ะค่ะ”
“อุ๊ยตาย” นางมณโฑร้องลั่น “ไมยราพสิ้นพระชนม์ โอ๊ย-ข้าไม่อยากเชื่อก็ไมยราพถอดหัวใจได้ หัวใจของเธอเป็นแมลงภู่อยู่ในถ้ำเขาตรีกูฎ”
ตรีทัพยิ้มแห้งๆ.
“เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ หนุมานมันฉลาดมาก รบกับพระราชนัดดาไม่แพ้ไม่ชนะมันก็เอาแต่ต้นตาลสามต้นมาควั่นเข้าให้เป็นต้นเดียวกันแล้วผลัดกันตีคนละทีพ่ะย่ะค่ะ พระราชนัดดาตีมันก่อน ตีซะจมดินพ่ะย่ะค่ะ แต่มันมีฤทธิ์มันไม่ตายแล้วมันก็ตีพระองค์บ้าง เหวี่ยงต้นตาลตุ้บลงไปแล้วเหยียบอกพระนัดดาไว้ แผลงฤทธิ์ตัวใหญ่


      กว่าคิงคองหลายเท่า ยกขาซ้ายก้าวเข้าไปเหยียบเขาตรีกูฎ เอามือควานหาตัวแมลงภู่ได้ พอขยี้แมลงภู่พระราชนัดดาก็สิ้นพระชนม์พ่ะย่ะค่ะ”
พระเจ้ากรุงลงกาทรงกรรแสงโฮ.
“โธ่-หลานกูเสียชีวิตอีกหนึ่งคน ไมยราพเอ๋ย ไม่น่าแพ้อ้ายจ๋อเลย เพียงแต่เอากะปิสักก้อนทามือให้ทั่วแล้วสู้กับมันหนุมานมันก็วิ่งหนีเท่านั้น บอกข้าซิตรีทัพ ทางเมืองบาดาลเป็นอย่างไรบ้าง”
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า หนุมานมันให้ไวยวิกลูกชายนางพิรากวน ขึ้นนั่งเมืองแทนพระราชนัดดาพ่ะย่ะค่ะ อ้ายไวยวิกได้ทำสนธิสัญญาแลกเปลี่ยนสัตยาบรรณกับพระรามเรียบร้อยแล้ว พระรามจะส่งทูตไปประจำที่บาดาล และไวยวิกก็จะส่งทูตไปอยู่อยุธยาพ่ะย่ะค่ะ”
ทรงกันแสงอีก โบกพระหัตถ์ไล่ตรีทัพเมฆนาดออกไปจากห้อง ทศกรรฐ์ไม่ยอมเสวยอาหารอีกแล้ว แม้แต่น้ำข้าวที่มหาดเล็กนำมาถวายก็ไม่แตะต้อง นางมณโฑทรงปลอบโยนพระสวามี.
“ความตายเป็นของธรรมดาของโลกเพคะ ความจริงเท่าที่พระองค์ต้องสูญเสียพระประยูรญาติและไพร่พลมากมายเช่นนี้ก็เพราะนางสีดาคนเดียว”
เจ้าลงกากริ้วแหว.
“อย่าพูดอย่างนี้ ออกไปให้พ้นหน้าฉันนะมณโฑ อย่านึกว่าตัวแกวิเศษแกเคยเป็นเมียอ้ายจ๋อพี่ชายสุครีพมาแล้ว อ้ายองคตก็ลูกของแกแต่พระฤาษีผ่าท้องแกเอามันไปใส่ท้องแพะตอนที่พาลีมันคืนแกให้ฉัน ไปให้พ้น เดี๋ยวพ่อกินเสียเลยอีนี่”
ตามธรรมดาทศกรรฐ์กลัวนางมณโฑมาก แต่เมื่อพระองค์ทรงโมโหฉุนเฉียวจนถึงที่สุดพระองค์จะไม่เกรงกลัวมเหสีของพระองค์เลย นางมณโฑเคยถูกซ้อมสะบักสะบอมบ่อย ๆ เมื่อขัดพระทัยอย่างรุนแรง หรือทูลพระองค์ให้คืนส่งสีดาคืนไป.
เจ้าพระนครลงกามีพระอารมณ์พลุ่งพล่าน ทรงตะเพิดมหาดเล็กและนางข้าหลวงออกไปหมด พระองค์ทรงกันแสงสะอึกสะอื้นอยู่ตามลำพัง ในที่สุดก็ร้องตะโกนเรียกทหารยามในพระตำหนักให้มาเฝ้า.
“เฮ้ย-โทรศัพท์ไปที่ตำหนักพระอนุชา ทูลให้กุมภกัณฐ์มาพบข้าเดี๋ยวนี้”
นายทหารยามตัวสั่นงันงก
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า ข้าพระองค์ไม่มีเหรียญหยอดโทรศัพท์พ่ะย่ะค่ะ”
พญายักษ์กริ้วจนตัวสั่น.
“มึงจะบ้าหรืวะ โทรศัพท์ในวังนี้ไม่ใช่โทรศัพท์สาธารณโว้ย”
นายทหารซึ่งเป็นยักษ์แก่ใกล้จะปลดเกษียณอายุ รับพระรับสั่งใส่เกล้าแล้วถอยออกไป ทศกรรฐ์ประทับนั่งอยู่ตามลำพังภายในห้องเสวยอันกว้างใหญ่ขนาดเท่าสนามฟุตบอล เมื่อนึกถึงไมยราพพระองค์ก็ทรงรันทดพระทัยอย่างยิ่ง.
ผุดลุกผุดนั่งและเสด็จวนเวียนไปมารอบห้อง ทรงรอพระอนุชาของพระองค์อย่างกระวนกระวาย ในที่สุดกุมภกัณฐ์มหาอุปราชแห่งนครลงกาก็เสด็จเข้ามา แต่ร่ายรำบทเหมือนอย่างโขนและร้องพากษ์โขนไปด้วย.



     “กุมภกัณฐ์อนุชา รีบเสด็จไคลคลามาฉับพลัน ก้มเศียรประนมกรอภิวันท์พระทรงฤทธิ์ เสด็จพี่มีพระราชกิจประสงค์ใด ข้าพระองค์พร้อมที่จะรับใช้แล้วนะพระเจ้าข้า”
ทศกรรฐ์ประทับยืนนิ่งเฉยขบพระทนต์กรอด.
“แกจะบ้าหรือวะกุมภกัณฐ์ เป็นอุปราชไม่ชอบอยากเป็นโขนรึ ประเดี๋ยวพ่อส่งไปอยู่กรมศิลปากรเสียเลย”
กุมภกัณฐ์พระพักตร์เสียเมื่อทรงสังเกตเห็นพระเชษฐากำลังมีอารมณ์ไม่ดี.
“ขอเดชะ รับสั่งให้หาเรื่องอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
“พี่มีข่าวร้ายที่จะบอกแกกุมภกัณฐ์ ไมยราพหลานของแกถูกหนุมานฆ่าตายเสียแล้ว”
“ทราบเกล้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันพบตรีทัพเมฆนาดหน้าตำหนักทั้งสองคนมันเล่าให้หม่อมฉันฟังแล้ว”
พระเจ้ากรุงลงกานิ่งเงียบไปสักครู่แล้วรับสั่งว่า.
“ถึงเวลาที่แกจะต้องช่วยพี่ และแก้แค้นแทนหลานของแก กุมภกัณฐ์น้องรักจงยกทหารของเราออกไปสู้รบกับรามลักษณ์และพยายามฆ่ามนุษย์สองพี่น้องนี้ให้ได้ มันได้ฆ่าญาติวงพงศาของเรามามากมายแล้ว”
กุมภกัณฐ์เป็นยักษ์ที่มีศีลธรรม พระองค์ไม่เห็นพ้องด้วยจึงทูลว่า.
“แล้วแต่เจ้าพี่จะโปรดเถิด หม่อมฉันเห็นว่าชนวนสงครามที่เกิดขึ้นก็เพราะ เจ้าพี่ไปลักพานางสีดาเมียของพระรามมาหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้ ทำกับเขาอย่างนี้เขาก็ต้องรบกับเราเป็นธรรมดา คืนนางสีดาให้เขาเถอะเจ้าพี่ ลงกากับอยุธยาจะได้เป็นมิตรไมตรีต่อกัน”
ทศเศียรทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง.
“เหม่-อ้ายกุมภกัณฐ์”
กุมภกัณฐ์ฝืนทรงพระสรวล
“จะว่าอะไรก็ว่าเถอะทำไมต้องเหม่ด้วย”
“ก็กูโกรธนี่หว่า มึงมันขี้ขลาดตาขาวกลัวข้าศึก เมื่อมึงเห็นว่ากูเป็นคนเลวไปแย่งเมียเขามามึงก็ไปอยู่กะพระรามซี ไปอยู่กับอ้ายพิเภกน้องทรยศของกู กูจะยอมตายสู้รบกับพระรามเอง”
กุมภกัณฐ์ทรงเห็นพระเชษฐาพิโรธก็เกรงกลัว
“ขอเดชะหม่อมฉันไม่ได้เกรงกลัวข้าศึกเลย ที่กราบทูลก็หวังดีต่อเจ้าพี่ เมื่อพระองค์ไม่เห็นด้วยหม่อมฉันจะยกกองทัพออกไปรบกับพระรามพระลักษณ์ในบ่ายวันนี้ จะฆ่ามนุษย์สองพี่น้องเสียทั้งสองคน ไพร่พลลิงของมันหม่อมฉันก็จับเอามาหัดละครลิงให้หมด หรือม่ายก็ส่งไปขายตามสวนมะพร้าว”
พญายักษ์หายโกรธทันที พระองค์ปราดเข้ามากอดพระอนุชาด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้มแจ่มใส.
“มันต้องอย่างนี้น้องรักของพี่ พี่เชื่อว่าแกต้องได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด ฮ่ะ ฮ่ะ มา-มากินข้าวกับพี่กุมภกัณฐ์ กินข้าวเสียก่อนแล้วพี่จะสั่งมโหทรให้มันจัดทัพให้”
ตอนสายวันนั้นเอง ทัพลงกาในบังคับบัญชาของกุมภกัณฐ์ก็เคลื่อนพลมายังสมรภูมิ และหยุดยั้งตั้งขบวนรบเป็นหมวดหมู่กรมกองตามหลักยุทธวิธี ไพร่พลยักษ์โห่ร้องสนั่นหวั่นไหว กุมภกัณฐ์ประทับนั่งอยู่บนราชรถซึ่งเทียมด้วยราชสีห์ถึง 10 ตัว.

เมื่เมื่อกุ
ก็เข้าจับสุครีพ หนุมานตามมาแก้สุครีพไปได้

     กองทัพลงการอคอยอยู่ครึ่งชั่วโมงพวกยักษ์ก็แลเห็นพลลิงประมาณ 100 ตัว เคลื่อนที่เข้ามาและมียักษ์ตนหนึ่งเป็นผู้นำพลพรรคอ้ายจ๋อเหล่านั้น เมื่อใกล้เข้ามาพวกทหารยักษ์ก็จำพิเภกได้ ต่างพูดกันจ้อกแจ้กจอแจ.
กุมภกัณฐ์แลเห็นพิเภกผู้เป็นอนุชาพระองค์ก็ทรงกริ้วโกรธ สั่งสารถีให้ขับรถศึกเคลื่อนเข้าไปหา พระยาพิเภกโหรชั้นดีรีบทรุดตัวลงนั่งกราบถวายบังคมพระเชษฐาองค์กลาง ด้วยความเคารพรัก.
“สวัสดีพ่ะย่ะค่ะ”
“อย่า อย่า อย่ามาสวัสดีกับกูอ้ายทรยศ เพราะมึงคนเดียวทำให้พระรามได้เปรียบในการทำสงคราม กูเจ็บใจนักที่มึงมาสวามิภักดิ์ต่อพระราม”
“ขอเดชะ พระเชษฐาองค์ใหญ่ได้ขับไล่ข้าพระองค์ออกจากเมือง ข้าพระองค์ก็จำต้องมาอาศัยอยู่กับพระรามพ่ะย่ะค่ะ”
“อย่าแก้ตัว อ้ายสมอพิเภก” กุมภกัณฐ์กริ้วแหว “ญาติพี่น้องของเรายังมีอีกถมไปทำไมมึงไม่ไปอาศัยอยู่กับเขา ถุย-กูอยากถุยสักพันครั้งก็ไม่มีน้ำลาย มึงยกทหารลิงเพียงไม่กี่ตัวออกมาทำไมวะพิเภก จะมารบกับกูหรือ”
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ข้าพระองค์ได้กราบทูลพระรามว่าเสด็จพี่เป็นยักษ์ที่มีศีลธรรม ที่ยกทัพออกมาก็เพราะขัดพระเชษฐาไม่ได้ พระรามรับสั่งให้ข้าพระองค์มาทูลเสด็จพี่ให้ยกทัพกลับไปเถิด ข้าพระองค์ขอถือโอกาสนี้ทูลให้ทรงทราบด้วยว่า พระรามคือ พระนารายณ์ที่อวตารลงมาปราบยักษ์ อย่าสู้รบกับพระองค์เลยพ่ะย่ะค่ะ”
กุมภกัณฐ์ทรงพระสรวลลั่น.
“อ้ายหน้าโง่ นี่แนะเฮ้ยพิเภก พระนารายณ์น่ะท่านมีสี่กรทรงตรีคทาจักรสังข์ พระรามมันเป็นมนุษย์เดินดินมีสองมือเท่านั้น เอาละ ถ้าหากว่าพระรามเป็นพระนารายณ์แบ่งภาคลงมาจริงตามที่เอ็งว่า พระรามก็คงตอบปริศนาข้าได้ ข้าขอตั้งปริศนาว่า..ชีแดหญิงโหดช้างงารีชายทรชนหมายถึงอะไร จงจำไว้และไปบอกพระราม ถ้าตอบถูกกูจะเชื่อว่าเป็นพระนารายณ์แล้วกูจะยกทัพกลับไป ถ้าตอบไม่ได้กูบุกแน่ จงมองดูกองทัพของข้า หน่วยยานเกราะเต็มไปทั่วท้องทุ่ง ปืนใหญ่สนามและจรวดนำวิถีก็เข้าที่ตั้งยิงแล้ว กูจะถล่มค่ายพระรามให้ราบเป็นหน้ากลองทีเดียวไปเถอะพิเภก ไปบอกเจ้านายมึงให้ทายปริศนาของกู กูจะคอยอยู่ที่นี่”
พิเภกพาทหารลิงกลับไปค่าย และรุดเข้าเฝ้าพระรามพระลักษณ์ต่อหน้าขุนพลลิง ๑๘ มงกุฎที่หมอบเรียงรายอยู่ในสุวรรณพลับพลา พิเภกกราบถวายบังคมองค์พระจักรี แล้วทูลให้ทราบตามที่เขาได้ออกไปพบกับกุมภกัณฐ์ ในยุทธภูมิ.
พระรามทำพระพักตร์เหยเกชอบกลเมื่อได้ทรงฟังปริศนาของกุมภันฑ์ พระองค์หันพระพักตร์มาถามพระอนุชา.
“เธอคิดได้ไหมพระลักษมณ์ ปริศนาเฮงซวยอย่างนี้พี่คิดไม่ออกจริง ๆ”
พระลักษณ์ทรงยิ้มแห้ง ๆ.
“หม่อมฉันก็จนด้วยเกล้าเหมือนกัน แต่ถ้ามันมาถามว่า...อะไรเอ่ย ทางโน้นก็ฟ้า ทางนี้ก็ฟ้าเรือชะล่าแล่นกลางหม่อมฉันก็พอจะตอบมันได้ ลองถามพวก ๑๘ มงกุฎดูดีไหมเสด็จพี่”
พระรามสั่นพระพักตร์.


     “เสียเวลาเปล่าๆ อ้ายพวกนี้มันโง่จะตาย มีแต่กำลังและความกล้าอย่างบ้าบิ่นเท่านั้น ให้มันท่องสูตรคูณแม่สองตั้งหลายปีแล้วยังท่องกันไม่ได้” แล้วพระองค์ก็แกล้งรับสั่งถามหนุมาน “เฮ้ย...หนุมาน สองห้าเท่าไหร่วะ”
ลูกพระพายนิ่งคิดทำตาปริบ ๆ ยกเท้าขวาขึ้นเกาศีรษะแกรก ๆ.
“ขอเดชะ สองห้าเป็น ๒๕ พ่ะย่ะค่ะ”
พระรามทรงพระสรวล.
“ทำไมมันถึงเป็น ๒๕ สูตรคูณอะไรของแกวะ”
“พระอาญามิพ้นเกล้า เลข ๒ กับเลข ๕ เขียนติดกันก็ต้องอ่านว่า ๒๕ พ่ะย่ะค่ะ”
“อือ จริงของมึงหนุมาน อ้า...เวลาอาบน้ำน่ะฟอกสบู่เสียบ้างซี หมัดในตัวแกมันจะได้ตาย ฉันเห็นแกเกาแกรก ๆ ตลอดวัน พลาธิการเขาก็จ่ายสบู่ให้แล้ว ไหน...เจ้าองคตมานี่ซิ”
องคตอ้ายจ๋อวัยรุ่นคลานเข้ามาเฝ้าแล้วกราบถวายบังคม.
“พระองค์ประสงค์สิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ”
“เอ็งยกทหารออกไปสนามรบเดี๋ยวนี้ พยายามใช้วาทศิลปของเอ็งเจรจากับกุมภกัณฐ์ ในเรื่องปริศนาของมันอย่าให้ข้าเสียเกียรติได้ แล้วยกทหารกลับมาอย่าไปรบกับมัน”
ลูกพาลีคลานถอยออกไป และในชั่วโมงเดียวกันนั้นเองกองทัพลิง ๕,๐๐๐ ตัวในบังคับบัญชาขององคตก็ยกมาถึงสมรภูมิ องคตสั่งให้หยุดเผชิญกับกองทัพลงกาในระยะห่างพอสมควร เมื่อสารถีของกุมภกัณฐ์ขับรถศึกตรงเข้ามาองคตก็แผลงฤทธิ์ให้มีร่างกายใหญ่โตมีหางยาวผิดธรรมชาติ เขาม้วนห่างเป็นแท่นแล้วนั่งไขว่ห้างเต๊ะท่าอยู่บนหางของเขา.
กุมภกัณฐ์ยกมือชี้หน้าองคตแล้วหัวเราะก้าก.
“ชะ ช้า อ้ายลูกแพะนี่เองนึกว่าลิงที่ไหน ยังไง...ไหว้ข้าเสียที ข้าจะได้ให้สตางค์ ชุดนี้จะเป็นการแสดงญวนทอดแห เอา...เอาหน่อยองคต” แล้วกุมภกัณฐ์ก็ร้องเพลงละครลิงเสียงลั่น “ชีกวางห้อกวาง ขวัญเมืองเยื้องย่างกงตุ๊ย ๆ กงจางดูมาเอวบาง กงตุ๊ย ๆ กงจ๊างดูม้าเอวบาง จี่ขาจี่ทอดแหตรงนี้ คงจะมีกุ้งนาง ฮ่ะ ฮ่ะ ไม่ยักเล่นโว้ย”
องคตถูกดูหมิ่นว่าเป็นลิงละครลิงก็โกรธจนตัวสั่น.
“อย่ากำแหงอ้ายยักษ์ ถ้าไม่เกรงว่าขัดรับสั่ง กูจะตัดคอมึงเอามาโยนเล่นต่างลูกรักบี้เดี๋ยวนี้ มาพูดกันให้เป็นงานเป็นการดีกว่าวะ เจ้านายใช้ให้ข้าออกมาพบแก”
“งั้นเรอะ เอ็งนำคำตอบปริศนาของข้ามาบอกข้าใช่ไหมล่ะ”
ลูกพาลีฝืนหัวเราะ.
“ปริศนาตะหวักตะบวยอะไรกัน อย่างนั้นไม่เรียกว่าเป็นปริศนาโว้ย เป็นคำถามกว้างๆและคลุมเครือต่างหาก ต่อให้พ่อพระรามก็คิดไม่ออก เอ็งน่ะอย่าวุ่นวายให้มากนัก ควรจะรู้ว่าพระรามท่านยิงธนูได้แม่นยำราวกับจับวาง พวกยักษ์ม่องเท่งมาเยอะแยะแล้ว ยกทัพกลับไปเสียดีกว่า”
กุมภกัณฐ์ตบมือหัวเราะเยาะ.



     “ในที่สุดนายมึงก็ใช้ให้มึงมาพูดแก้เกี้ยวเพื่อรักษาเหลี่ยม ถุย...หลอกได้แต่พวกอ้ายจ๋อหรอกเว้ยที่ว่าเป็นพระนารายณ์อวตารลงมา ยักษ์มีปริญญาอย่างข้าจ้างก็ไม่เชื่อ จงกลับไปบอกเจ้านายมึงให้ยกทัพมารบเถอะ กูจะคอยอยู่ที่นี่ ไพร่พลของกูอยากจะรบเต็มทนแล้ว ถ้าภายในชั่วโมงนี้พระรามไม่ยกทัพมากูจะสั่งให้กองพลยานเกราะของกูบุกทันที พวกลิงจะถูกอาวุธจรวดติดหัวกะปิร้องอู้ไปตามกัน ฮ่ะ ฮ่ะ”
องคตคันไม้คันมืออยากฆ่ากุมภกัณฐ์ แต่เป็นการล่วงละเมิดพระรับสั่ง.
“ดีแล้วอ้ายเขี้ยวโง้ง มึงรออยู่นี่นะ ประเดี๋ยวรู้ดีรู้ชั่ว เจ้านายของกูจะต้องออกมาพบกับมึงแน่นอน”
แล้วหลานพระอินทร์ก็ยกทัพลิงกลับไป กุมภกัณฐ์ถือโอกาสตรวจพลรบของพระองค์และให้คำขวัญว่า ยักษ์ที่ดีต้องยอมสละชีวิตเพื่อพระเจ้ากรุงลงกา ให้ทหารยักษ์เตรียมต่อสู้เต็มที่และให้เอากะปิทาหอกดาบไว้.
ครั้นเวลา ๑๑.๓๐ น.เศษ กุมภกัณฐ์มหาอุปราชก็ทอดพระเนตรเห็นกองทัพวานรไม่น้อยกว่า ๑๕,๐๐๐ ตัวเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาตามทุ่งกว้าง เสียงทหารพระรามโห่ร้องก้องกังวาน แต่เป็นการโห่ที่แหวกแนวอย่างยิ่ง เพราะแทนที่ทหารจะรับคำว่าโห่ฮิ้วกลับร้องเป็นเสียงลิงพร้อมๆกัน”
“โห่...ฮี้โห่ฮี้โห่...โฮ...เจี๊ยกคร่อก”
ท่ามกลางเสียงโห่และเสียงฆ้องกลองซึ่งตีกันส่งเดชไม่มีจังหวะจะโคน ตามประสาลิงกุมภกัณฐ์ทรงกล้องส่องทางไกลทอดพระเนตรเห็นขุนกระบี่ผู้เป็นนายทัพมีสีแดงทั้งตัว ก็รับสั่งกับสารถีของพระองค์.
“เฮ้ย นายลิงคนนี้ถ้าจะเป็นค็อมมิวนิสต์ว่ะ แดงเถือกไปทั้งตัว”
สารถียักษ์ประนมมือถวายบังคม.
“ไม่ใช่ค็อมมิวนิสต์หรอกพ่ะย่ะค่ะ พระรามเป็นกษัตริย์และเป็นเจ้าพวกลิงย่อมเป็นศัตรูกับค็อมมิวนิสต์ นายลิงที่มีเนื้อแดงชื่อสุครีพพ่ะย่ะค่ะ เป็นลูกพระอาทิตย์และเป็นน้องต่างบิดาของพระยาพาลี”
“อ้อ ยังงั้นเรอะ อ้ายนี่เป็นแม่ทัพลิงนี่หว่า พระรามใช้ให้มารบกับกูแน่”
“หวานเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ลิงในราชอุทยานของเสด็จพี่ตัวเล็ก ๆ ข้ายังกลัวมัน เข้าไปใกล้มันหน่อยเดียวมันกระโจนเข้ากัดขา ตัวเปี๊ยก ๆ ยังไวและดุอย่างนั้น อ้ายสุครีพตัวเกือบเท่าคิงคองข้าจะสู้มันไหวหรือ”
“ก็พระองค์มีตะบอง”
“ตะบองก็เถอะวะ พอเงื้อจะตีมันก็แย่งได้ คราวนี้กูก็วิ่งตูดแป้นเท่านั้นเอง ไม่ได้การต้องใช้กลศึกหลอกลวงอ้ายสุครีพ ถึงแม้ว่ามันจะเก่งกาจอย่างไรมันก็เฉลียวฉลาดสู้กูไม่ได้”
เมื่อกองทัพลิงเคลื่อนเข้ามาใกล้ พลยักษ์ทั้งหลายก็ได้ยินทหารลิงร้องเพลง “กราวนอก” อย่างพร้อมเพรียงกัน พลลิงเต้นท่าโขนอย่างสวยงามแสดงว่าได้รับการฝึกมาแล้วเป็นอย่างดี แล้วลิงทั้งกองทัพก็ร้องเพลง “กราวนอก” ขึ้นพร้อมๆ กัน.
เหล่าลิงทั้งหลายทั้งนายไพร่
กล้าหาญชาญชัยไม่ย่นย่อ
จะฆ่ายักษ์ให้ม้วยมาระนอ
เราลิงจ๋อองอาจชาติวานร
   
       ตุมๆ ตุ่ม ตุม เจี๊ยกคร่อก
หยุดยั้งตั้งทัพคอยรับยักษ์
พลพรรคหมื่นห้าหน้าสลอน
ยอมถวายชีวีพระสี่กร
ราญรอนรบรุกบุกตะลุย
ตุมๆ ตุ่ม ตุม เจี๊ยกคร่อก
ทันใดนั้นเองพวกยักษ์ทั้งกองทัพก็ร้องตะโกนขึ้นเป็นสียงเดียวกัน.
“พลยักษ์...สู้ตาย พลยักษ์...ไว้ลาย”
แล้วก็มีเสียงหัวเราะแบบเดียวกับเสียงม้าดังขึ้นทั่วกองทัพ เป็นการเยาะเย้ย หรือทำลายขวัญพวกลิง พระยาสุครีพแม่ทัพใหญ่ ร้องตะโกนห้ามพวกวานรไม่ให้แหกหูแหกตาหลอกยักษ์ เพราะเป็นการเสื่อมเสียเกียรตินักรบ ลูกพระอาทิตย์เดินดุ่ม ๆ ออกมาทางแถวหน้าที่หยุดยั้งตั้งขบวนเป็นระเบียบเรียบร้อย กุมภกัณฐ์รับสั่งให้สารถีของพระองค์เคลื่อนรถเข้ามาหา สุครีพแลเห็นสิงโตเทียมรถก็ชักปอดลอย แต่เมื่อตนเป็นแม่ทัพก็จำเป็นต้องทำเข้มแข็ง.
สุครีพกระทืบเท้าเต็มแรงแล้วยกมือชี้หน้ามหาอุปราชแห่งนครลงกา.
“เฮ้ย...เหวยกุมภกัณฐ์ พระนารายณ์ทรงเมตตาเจ้าใช้ให้พิเภกออกมาเจรจาด้วยดีเจ้ากลับโอหังตั้งปริศนาบ้าๆ ไปให้พระองค์ขบคิด อ้ายปริศนาเฮงซวยของเจ้านั้นไม่มีมนุษย์คนใดที่จะคิดได้หรอก น่าหัวเราะเหลือเกิน”
กุมภกัณฐ์รับสั่งว่า “อ้ายลิงถ่อยอหังการ ถ้าพระรามเป็นพระนารายณ์อวตารลงมาจริง ๆ แล้วทำไมจะคิดไม่ได้วะ ข้าจะบอกให้เฮ้ยสุครีพ ชีโฉดก็หมายถึงพระรามนั่นเอง อยู่ดีๆ ไม่ว่าดีทิ้งบ้านเมืองพาพระลักษมณ์ออกบวชท่องเที่ยวอยู่ในป่า ปล่อยให้น้องชายต่างมารดาสองคนครองเมืองอยุธยาแทน หญิงโหดก็คือนางสำมะนักขาน้องสาวของข้า ไปพบพระรามในป่าก็พูดเกี้ยวพระรามอย่างหน้าด้านไร้ยางอาย ส่วนช้างงารีก็คือพระเชษฐาทศกรรฐ์ของข้านั่นเอง ก่อเรื่องยุ่งยากเดือดร้อนแย่งชิงเมียของเขามา แล้วก็ชายทรชนก็คืออ้ายพิเภก เป็นไส้ศึกให้พระรามคิดฆ่าวงศาคณาญาติของตัวเอง นี่แหละคือคำตอบปริศนาของข้า”
สุครีพนึกชมในใจที่กุมภกัณฐ์มีสติปัญญาเฉียบแหลม แต่เขาไม่ต้องการให้พระรามต้องเสียเกียรติจึงพูดตัดบท.
“อย่าพูดมากเลยวะกุมภกัณฐ์ เอ็งกับข้ามารบกันดีกว่า ฝีมืออย่างเอ็งไม่ต้องถึงกับให้พระรามหรือพระลักษณ์เสด็จออกมาหรอก มือชั้นข้าก็ปราบเอ็งได้ มา...กระโดดลงมาจากรถซีเพื่อน”
มหาอุปราชทรงพระสรวล.
“กุไม่อยากรบกับมึงให้เสียมือ มึงไปทูลถามพระพรหมดูก็แล้วกันว่า กูมีฤทธิ์เดชมากมายแค่ไหน อ้ายจ๋อเอ๋ย เอายังงี้ก็แล้วกัน มีต้นรังใหญ่ต้นหนึ่งอยู่บนยอดมหาคีรีบรรพตในทวีปอุดร ถ้ามึงไปถอนต้นรังต้นนั้นเอามาได้กูจะยอมแพ้มึงเลิกทัพกลับกรุงลงกา ถ้าถอนมาไม่ได้มึงก็ต้องยอมแพ้กู พากองทัพลิงกลับไป เราจะได้ไม่เสียไพร่พลทั้งสองฝ่าย”
สุครีพหัวเราะชอบใจ.


     “ถอนต้นรังหรืออ้ายยักษ์ เรื่องเล็กว่ะ ดีแล้ว ข้าจะไปแบกต้นรังต้นนั้นมาให้เอ็งดูเป็นขวัญตา”
ครั้นแล้วลูกพระอาทิตย์ก็แผลงฤทธิ์เหาะละลิ่วไปในอากาศ ลัดนิ้วมือเดียวก็มาถึงยอดขุนเขาใหญ่พบต้นรังมหึมาแลเห็นเด่นแต่ไกล สุครีพเหาะลงบนยอดเขาโอบกอดต้นรัง แล้วรวบรวมกำลังเท่าที่มีอยู่ถอนต้นรังให้เขยื้อนขึ้นมาจากพื้นดินทีละน้อย จนกระทั่งหอบแฮ่ก ๆ อย่างไรก็ตามสุครีพไม่ยอมพักเหนื่อย เขาต้องการจะโอ้อวดกุมภกัณฐ์ ว่าเขามีกำลังยิ่งกว่าเฮอคิวลิส สุครีพมานะพยายามถอนต้นรังสักครู่ใหญ่ ต้นรังก็หลุดขึ้นมาจากพื้นดิน และแล้วลูกพระอาทิตย์ก็แบกต้นรังเหาะกลับมายังสมรภูมิ.
“เฮ้ย...อ้ายยักษ์เขี้ยวโง้ง สุครีพร้องตะโกนลั่นแล้วโยนต้นรังลงบนพื้นดินดังโครม “นี่ต้นรังใช่ไหมวะ โอ๊ย...เหนื่อยว่ะ”
มหาอุปราชกระโจนลงจากรถ ทรงถือพระคทาปราดเข้าประจัญบานขุนกระบี่ทันที สุครีพกระชากพระขรรค์ออกมาปัดป้องและแทงตอบ แต่สุครีพหมดแรงแล้ว รบกันได้เพียงไม่กี่เพลงกุมภกัณฐ์ก็กระโดดเข้าประชิดตัวใช้ท่อนแขนซ้ายตวัดรัดคอสุครีพไว้ พระหัตถ์ขวาเงื้อกระบองตีกบาลพญาลิงดังโป๊ก ๆ หลายทีติด ๆ กัน แต่ถึงแม้ว่าจะถูกตีอย่างจัง ๆ สุครีพก็ทนได้ ที่ทนไม่ได้ก็คือกลิ่นจั๊กแร้ของมหาอุปราช ทำให้สุครีพฉุนกึกสะอึกสะอื้นดิ้นไม่ไหว กุมภกัณฐ์ฉุดกระชากลากตัวแม่ทัพลิงไปทันที ร้องตะโกนรับสั่งให้ไพร่พลยักษ์โจมตีกองทหารวานร พวกลิงเห็นสุครีพเสียท่าถูกจับเป็นเชลย ก็แตกตื่นเสียขวัญทิ้งอาวุธวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงไม่ยอมสู้รบกับยักษ์ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกคึกคักเข้มแข็งมีการร้องเพลงปลุกใจ
กุมภกัณฐ์ไม่ยอมขึ้นรถทรง พระองค์ลากสุครีพถูลู่ถูกังไปอย่างไม่ปราณี ทหารยักษ์ติดตามมาโห่ร้องกันเกรียวกราวดีใจที่มหาอุปราชทรงได้รับชัยชนะในครั้งแรกที่ออกรบ.
ทัพลงกาเดินทางกลับเข้าเมืองโดยไม่รีบร้อนอะไรนัก แต่พอใกล้จะถึงพระนคร พลยักษ์ก็ร้องบอกกล่าวกันอื้ออึงว่ามีลิงสองตัวเหาะมาในอากาศ หนุมานกับองคตนั่นเอง กุมภกัณฐ์ทอดพระเนตรเห็นเข้าก็ร้องตะโกนรับสั่งเรียกนายทหารยักษ์ให้มาช่วยคุ้มกันพระองค์.
“ช่วยกูหน่อยโว้ย อ้ายหนุมานมันไม่ใช่เล่น และองคตมันก็ไม่ใช่ย่อย กูจะพยายามเอาตัวสุครีพไปถวายพระเชษฐาให้ได้”
สองทหารเสือของพระรามเหาะลงมาแล้ว และโดยไม่มีการพูดพล่ามทำเพลง หนุมานกับองคตปราดเข้าบุกตะลุยพวกขุนพลยักษ์ทันที การสู้รบไม่สู้จะน่าตื่นเต้นเท่าใดนักเพราะยักษ์อืดอาดงุ่มง่ามล่าช้า ส่วนลิงทั้งสองว่องไวตามแบบฉบับของลิง พลยักษ์ถูกฆ่าตายเกลื่อนกลาดอัศวินยักษ์ล่าถอยไม่คิดสู้ ทั้งหนุมานและองคตไม่กลัวกะปิ ตรงกันข้ามกลับชอบกินกะปิเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นนายทหารยักษ์คนหนึ่งที่เอากะปิทาดาบยื่นเข้ามา จึงถูก องคตกระซวกด้วยพระขรรค์คู่มือง่อยกระรอกไป หนุมานกับองคตวิ่งเข้ามาหากุมภกัณฐ์และรุมกันรบ กุมภกัณฐ์ ใช้พระหัตถ์ขวาเพียงข้างเดียวควงคทาต่อสู้.
“อ้ายพวกลิงหมู่ มึงสองตัวไม่ใช่ลูกผู้ชายโว้ย เล่นกลุ้มรุมนี่หว่า”
สุครีพรู้ว่าหลานชายทั้งสองมาช่วยก็มีเรี่ยวแรงเกิดขึ้น เขาพยายามดิ้นรนเพื่อจะให้หลุดจากวงแขนของมหาอุปราช แต่ดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุด แล้วสุครีพก็ร้องบอกหนุมาน.
“ช่วยอาด้วยโว้ยหนุมาน มันล็อคอาจนหายใจไม่ออกแล้ว


     หนุมานรบพลางพูดพลาง.
“ล็อคคออย่ากลัวครับเดี๋ยวก็หลุด อาอย่าให้มันจับคางได้นะครับเป็นเสร็จมันแน่”
กุมภกัณฐ์ได้ยินหนุมานพูดเช่นนี้ก็คลายแขนที่ล็อคคอสุครีพออก แล้วยกมือซ้ายขึ้นจับคางสุครีพทันทีเพราะหลงกลหนุมาน คราวนี้สุครีพผงะไปข้างหลังเพียงนิดเดียวก็ได้รับอิสรภาพ ขุนกระบี่ทั้งสามกลุ้มรุมเล่นงานมหาอุปราชจนกระทั่งกุมภกัณฐ์ต้องรีบหนีเข้าเมืองลงกา หน้าตาปูดโปน ฟกช้ำดำเขียวเพราะได้รับการแจกหมากและแว่นจากลิงทั้งสาม.
พอแสงทองส่องฟ้า เสียงแตรเดี่ยวก็ดังกังวานไปทั่วค่ายพระราม เป็นสัญญาณปลุกทหารลิงให้ลุกขึ้นเตรียมปฏิบัติหน้าที่ของทหารต่อไป นายหมวดนายหมู่ถือไม้เรียวหวดทหารเลวที่แกล้งทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงแตรนอนหลับอย่างสบาย พอถูกเฆี่ยนก็ร้องเจี๊ยกๆ ลุกขึ้นคว้าผ้าขาวม้า แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และสบู่ออกจากค่ายไปอาบน้ำริมฝั่งแม่น้ำ พลลิงหลายหมื่นเกลื่อนกลาดไปทั่ว.
แต่แล้วก็ปรากฏว่าน้ำในแม่น้ำแห้งขอด ไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียว ทหารลิงไม่มีน้ำอาบกินแล้ว เมื่อนายลิงตัวหนึ่งนำความขึ้นกราบทูลพระราม พระลักษมณ์ พระจักรกฤษณ์ก็รับสั่งถามพระยาพิเภกโหราจารย์ถึงประสบการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งไม่น่าที่จะเป็นไปได้.
“ขอเดชะ เป็นการกระทำของพระเชษฐากุมภกัณฐ์ พ่ะย่ะค่ะ” พิเภกกราบทูลเมื่อได้จับยามดูแล้ว “กุมภกัณฐ์ได้ไปทำพิธีทดน้ำ ที่ต้นแม่น้ำมหานทีนี้ จำแลงแปลงตัวเท่าภูเขานอนขวางแม่น้ำเหมือนทำนบกั้นน้ำ น้ำจึงไม่ไหลลงมาทางใต้”
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า ขอได้โปรดรับสั่งใช้ให้หนุมานไปทำลายพิธีเถิดพ่ะย่ะค่ะ เมื่อหนุมานไปพบกุมภกัณฐ์นอนทดน้ำอยู่ตรงไหน ก็ลงไปรบกับกุมภกัณฐ์ พอพระเชษฐาลุกขึ้นน้ำก็จะหลั่งไหลลงมาทางใต้ตามเดิม”
“ดีมาก พิเภก ข้าขอบใจเจ้าที่ให้คำแนะนำอันเป็นประโยชน์เช่นนี้”
โดยพระรับสั่งของพระทรงครุฑ คำแหงหนุมานลูกพระพายได้เหาะมาจากค่ายใหญ่มุ่งตรงไปที่ต้นน้ำมหานที แล้วแอบสังเกตการณ์อยู่ในพุ่มไม้ใบบังริมฝั่งแม่น้ำ จนกระทั่งแลเห็นนางข้าหลวงยักษ์สี่นางเดินมาเก็บบุปผาเพื่อนำไปถวายมหาอุปราช เมื่อนางข้าหลวงนางหนี่งแยกกับเพื่อนมาเก็บดอกไม้ใกล้ๆ กับหนุมาน ลูกพระพายก็ฆ่านางเสีย แล้วแปลงตัวเป็นนางข้าหลวงคนนั้นเก็บดอกไม้ต่าง ๆ ไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ซึ่งไม่มีใครสงสัยอะไร.
ในที่สุดหนุมานก็ได้เห็นที่ที่มหาอุปราชลงไปนอนขวางแม่น้ำอยู่ หนุมานกลายร่างเป็นลูกพระพายตามเดิม แต่รูปร่างใหญ่โตมโหฬารมาก ทำให้นางข้าหลวงทั้งสามคนร้องวี๊ดว้ายกระตู้วู้วิ่งหนีจนผ้าผ่อนหลุดลุ่ยไปตามๆ กัน
คำแหงหนุมานถือตรีกระโจนลงไปในแม่น้ำ ปรี่เข้ากระทืบกุมภกัณฐ์เอากำไรไว้ก่อน มหาอุปราชกำลังนอนร่ายเวทวิทยา เมื่อถูกทำร้ายก็ตกใจรีบลุกขึ้นต่อสู้ กระแสน้ำไหลงลงสู่ทางใต้ทันที หนุมานกับกุมภกัณฐ์สู้รบกันเกือบสามชั่วโมงไม่มีใครแพ้ใครชนะ กุมภกัณฐ์ทรงเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียก็ล่าถอยเข้าพระนครลงกาและรุดเฝ้าท้าวทศกรรฐ์พระยายักษ์. ( ยังไม่จบ )

                                                   _______________________
Sampan Chanpa

     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น