วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ภาพยนตร์ เพลง ในควานทรงจำ



                                  ภาพยนตร์เพลง สี่เรื่อง ที่ผมชอบ

                                           


   The Musical Film  หมายถึง ภาพยนตร์ที่นำเอาเพลงมาใช้ในการดำเนินเรื่อง หรือเล่าเรื่องก็คงไม่ผิดนัก ในเชิงวิชาการเราพอจะแบ่งภาพยนตร์เพลงออก ฝรั่งเรียกว่า สไตล์ [ Style ] และแบ่งตามประเภท [Type ] แบ่งตาม สไตล์เราแบ่งเป็น ๓ แบบ คือ เรียลิสม์ [Realism] คลาสสิคัลซีเนมา [Classical cinema] และเอกเพรสชันนิสม์ [Expressionism] ส่วนการแบ่งตามประเภทก็จำแนกได้เป็น ๓ แบบเช่นกัน คือ แบบสารคดี [Documentary] เรื่องเริงรมย์ หรือเรื่องแต่ง [Fiction] และภาพยนตร์ก้าวหน้า ที่นำเสนอความคิด


 ภาพยนตร์เพลงเรื่องแรก  หากไม่นับภาพยนตร์การ์ตูนเพลงของวอลต์ ดิสนีย์ ที่ผมพอจำได้ คงจะเป็นเรื่อง "เจ็ดคู่ชู้ชื่น"[Seven Brides for Seven Brothers] เรื่องที่สองได้แก่ Singing in The Rain, West side Story และ The Sound of Music ความจริงยังมีอีกหลายเรื่องขออภัยที่ไม่ได้เอามากล่าวไว้ในที่นี้ แต่ที่ผมชอบและจำเนื้อเรื่องได้ไม่เคยตกหล่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง "เจ็ดคู่ชู้ชื่น" กับ "มนต์รักเพลงสวรรค์" เพราะเนื้อเรื่องสนุก และที่สำคัญเพลงไพเราะมาก ๆ ฟังติดหู จึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

                            
                                          

                                Barn Raising Dance (7 Brides for 7 Brothers) 


 "เจ็ดคู่ชู้ชื่น"  ผมจำได้ว่าชมมาหลายครั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย "เจน  เพาเวลล์" ที่เป็นทั้งดาราสาวสวย และนักร้องเสียงโซปราโน แสดงคู่กับ "โฮวาร์ด  คีล" ดาราและนักร้องร่างสูงใหญ่ เสียงแบริโทน

  เนื้อเรื่องย่อมีอยู่ว่า  พระเอกของเรา (โอวาร์ด คีล) เป็นหนุ่มใหญ่ชาวไร่แห่งป่าใหญ่ ของมลรัฐโอเรกอน (ยุคบุกเบิก ค.ศ.๑๘๕๐ หรือตรงกับปี พ.ศ.๒๓๙๓ ตรงกับสมัยราชการที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ได้ขี่รถม้ามุ่งเข้าเมืองด้วยจุดประสงค์ที่จะหาผู้หญิงสักคนมาเป็นคู่ครอง  เมื่อเขาได้ไปพักอยู่ในโรงแรมก็ได้พบเข้ากับหญิงสาวรูปร่างสันทัด หน้าตาดี  มีหน้าที่รับใช้งานทุกด้าน  เช่น ทำกับข้าว และทำความสะอาดสถานที่ ซึ่งถือว่าเป็นงานค่อนข้างจะหนัก  เขาจึงถูกชะตา  เข้าทาบทามขอแต่งงานด้วยในทันที


  ฝ่ายสาว (เจน  เพาเวลล์) ผู้ทรหดจากงานหนักก็วาดหวังอนาคตว่า การรับข้อเสนอจากชายหนุ่มน่าจะเป็นเรื่องที่ช่วยให้หล่อนมีอนาคตอันสดใส  มีบ้านช่อง และครอบครัวที่อบอุ่น  และคงจะทำงานหนักน้อยลง เรียกว่าความต้องการสอดคล้องกัน  จึงตกลงรับคำทาบทาม  และได้เดินทางมากับหนุ่มใหญ่เข้าสู่บ้านไร่ทามกลางขุนเขาในทันที

                                  

  แต่นางเอกของเราต้องฝันสลายเมื่อพบว่า  ที่บ้านไร่ชายแดนนั้น  สามีของเธอมิได้อยู่เพียงคนเดียว  หากแต่ยังมีน้องชายวัยหนุ่มที่เป็นชาวป่าอย่างเต็มตัว  ไม่รู้จักมารยาทของสังคมเมื่องใด ๆ ทั้งสิ้นอีก ๖ คนด้วยกัน  แต่เธอก็ใช้ความอดทน และความดีค่อย ๆ ฝึกฝน และอบรมน้อง ๆ ของสามีไปวันละเล็กละน้อย ไม่ว่าจะเป็นมารยาทในการกินอยู่ กิริยามารยาททั่ว ๆ ไป


  ด้วยความดี และความมีเมตตา ของพี่สะใภ้ ทำให้บรรดาน้อง ๆ ของสามีกลายสภาพจากหนุ่มบ้านป่าทีละน้อย ๆ จนกลายเป็นคนมีระเบียบพอที่จะเข้าสู่สังคมส่วนใหญ่ได้  เธอจึงยอมให้สามีพาน้อง ๆ เข้าไปร่วมงานการกุศลในเมืองได้ในวันหนึ่ง  การที่หนุ่ม ๆ มีโอกาสไปพบสาว ๆ ในเมือง ประกอบกับเป็นคนหมู่มากด้วยกัน ทำให้เกิดความเขม่นกันขึันเพราะความหึงหวง หนุ่มชาวป่าเป็นที่น่าหมั่นไส้สำหรับหนุ่มในเมือง เพราะไปจ้องสาว ๆ คนเดียวกัน  ทำให้เกิดบทบู๊ผสานกับบทตลกขึ้นด้วยความสนุกสนาน  แล้วหนุ่มชาวป่าก็กลับมาบ้านป่าตามเดิม

                                             

  เมื่อเริ่มเข้าเหมันตฤดู อากาศเริ่มหนาว หนุ่มทั้งหกต่างพากันเป็นไข้ใจ  อยากจะมีสาว ๆ ไว้กอดนอนเคี่ยงคู่ เช่นพี่ชายบ้าง  พอพี่ชายทราบเรื่องก็เข้าใจถึงความรู้สึกของน้อง ๆ ได้ป็นอย่างดี  ไม่ทราบจะแนะนำวิธีที่แยบคายอื่นใดได้  เพราะตนเองก็เป็นชาวป่าด้วยเลือดด้วยเนื้อ  จึงยุให้น้องชายพากันเข้าเมืองเพื่อไปฉุดสาว ๆ ที่ตนหวังปองมาเป็นคู่เสียเลย


  น้องชายพลอยเห็นด้วยกับคำแนะนำของพี่ชายคนดี  ต่างร่วมมือกันไปฉุดสาว ๆ ที่ตนเล็งเอาไว้ได้สำเร็จทั้ง หกคน แล้วทั้งหมดก็พากันหนีกลับบ้านไร่ชายแดนทันที  ในขณะที่พ่อแม่พี่น้องฝ่ายหญิงได้ส่งคนออกติดตามล่าอย่างกระชั้นชิด  แต่โชคดีเป็นของฝ่ายหนุ่มบ้านนอกชาวป่า  เพราะทันทีที่รถม้าของฝ่ายหนีผ่านพ้นชายเขาเข้ามา  ไม่ทันที่คณะติดตามจะไล่ทัน  ก็เกิดหิมะถล่มปิดหนทางเข้าสู่บ้านไรเอาไว้  พวกที่ติดตามจนปัญญา  และต้องเดินทางกลับด้วยความผิดหวัง  ได้แต่ต้องรอเวลาจนกว่าหิมะจะละลาย จึงต้องใช้
เวลาอีกหลายเดือน

                                          

  เมื่อนางเอกของเราทราบเรื่องของน้อง ๆ สามีไปฉุดผู้หญิงมาเพราะคำแนะนำของสามี ก็โกรธสามีที่ชักจูงให้น้องทำผิดประเพณี จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น  สามีรู้สึกน้อยใจ  เลยเตรียมสัมภาระออกไปล่าสัตว์บนเขาอันเป็นที่ป่าลึก โดยไม่ย่อมกลับมานอนในบ้านตามปกติ


  ฝ่ายนางเอกก็จัดการแยกหนุ่มสาวออกจากกันเป็นสัดส่วน  และอยู่ในสายตาของหล่อนตลอดเวลา พวกหนุ่ม ๆ ก็ต้องผิดหวังกันอยู่หลายเดือน เพราะกติกาของพี่สะใภ้คนดี  ในระหว่างนั้นภาพยนตร์ได้ฉายภาพให้เห็นถึงความผิดหวัง และความว้าเหว่ของหนุ่ม ๆ กันอย่างได้อารมณ์ทีเดียว แม้แต่การผ่าฟืนตัดฟืนก็นำมาเข้าจังหวะกับเพลงอันเฉื่อย ๆ เนือย ๆได้เป็นอย่างดี และมีความไพเราะ  และในช่วงเวลาดังกล่าวที่ทุกคนล้วนแต่ต้องพบกับความว้าเหว่ทั้งสิ้น  นางเอกก็ได้คลอดลูกออกมา เป็นลูกที่พระเอกไม่เคยระแคะระคายมาก่อนว่า  ภริยาของตนตั้งครรภ์

                                         
            
  น้องชายคตนเล็ก (ผู้รับบทคือ รัสส์  แทมบลิน ) ได้บุกป่าเข้าไปตามพี่ชายให้ลงจากเขากลับมาบ้าน  พระเอกของเราทราบเรื่องทั้งดีใจและตกใจสำนึกผิดที่ตนได้ทอดทิ้งภรรยา และลูกไป  จนเมื่อได้เห็นหน้าลูกสาวแรกเกิดเข้าจึงได้สติรู้ผิดชอบชั่วดี  และได้ตั้งใจที่จะสั่งสอนน้อง ๆ ให้พาสาว ๆ กลับไปส่งคืนให้ครอบครัวเสีย เพราะได้เวลาที่หนทางเปิดหิมะละลายแล้ว


  ไม่ทันที่น้อง ๆ จะเอาลูกสาวชาวเมืองกลับไปส่งคืนบ้าน  พวกชาวเมืองกลับยกพวกออกมาตามจนถึงบ้านไร่เสียก่อน และไม่ทันที่จะเกิดเสียงปืนดังลุกลามใหญ่โตถึงกับเลือดตกยางออก  พวกพ่อ ๆ ของสาว ๆ ทั้งหลายเกิดได้ยินเสียงเด็กลูกสาวของนางเอกร้องไห้ ต่างก็พากันสอบถามลูกสาวของตนว่าเด็กที่ร้องไห้เป็นลูกของใคร.....!!!!!! เหมือนกับจะถามว่า "ใช่เป็นหลานของพ่อหรือเปล่า"


  เจตนาของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ต้องการให้จบแบบอย่างมีควานสุขกันอยู่แล้ว  สาว ๆ ทั้งหกซึ่งก็ต่างก็แอบเห็นอกเห็นใจหนุ่ม ๆ ของพวกเธออยู่แล้ว ต่างก็พากันตอบเกือบพร้อมกันว่า เด็กคนที่ร้องนั้นเป็นลูกของตนทำให้พ่อทั้งหลายต่างพากันใจอ่อน และยอมยกลูกสาวให้แก่หนุ่มชาวไร่ทั้งหกคนด้วยการยื่นคำขาดให้ทำพิธีแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณี เรื่องราว "เจ็ดคู่ชู้ชื่น" ก็จบลงด้วยความสุข


  เจ็ดคู่ชู้ชื่น เป็นภาพยนตร์ของบริษัทเมโทรโกลด์วินเมเยอร์  เป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุก  มีฉากเต้นรำที่สวยงามและมีเพลงไพเราะหลายเพลง เช่น เพลง BLESS YOUR BEAUTIFUL HIDE, LONESOME POLECAT, WHEN YOU ARE IN LOVE, นอกจากนี้ดนตรีที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังทำให้  อดอล์ฟ เดิช กับ ชอล แชปลิน  ได้รับรางวัล ตุ๊กตาทองไปครองอีกด้วย
                                        
                                          

  เจ็ดคู่ชู้ชื่น  เป็นภาพยนตร์ที่ฉายในระบบ ซีเนมาสโคป (จอกว้าง) และเป็นภาพยนตร์สีแอนสโก ผู้อำนวยการสร้างคือ  แจค คัมมิง และผู้กำกับการแสดงคือ สแตนลีย์  โดแนน ภาพยนตร์มีความยาวในการฉายประมาณ ๑๑๐ นาที นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่น่าชมในแบบฉบับครอบครัวอีกเรื่องหนึ่ง จดจำชื่อเอาไว้นะครับ

เจ็ดคู่ชู้ชื่น [SEVEN BRIDES FOR SEVEN BROTHERS]

                                          ________________________


                                                    Sampan Chanpa


















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น