เรื่องทุกเรื่องเป็นอดีตไปหมดแล้ว เกิดจากความจำ เกิดจากอารมณ์ขำ อ่านแล้วไม่เครียด อ่านแล้วขำลึก ๆ นึกขึ้นมาที่ไรก็เบิกบานทุกครั้ง
วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556
ตู่ตัวหนังสือ
ตู่ตัวหนังสือ
เมื่อสมัยตอนที่ผมเป็นเด็กนักเรียนประถม ผมเป็นคนชอบดูโทรภาพ หรือ โทรทัศน์ บางทีก็เรียก ทีวีรายการโปรดก็คงจะเหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป ไม่การ์ตูน ก็หนังตลกเรื่องสั้น ๆ เช่นเรื่อง
อ้วน - ผอม ลอเลน - ฮาดี้ Laurel and Hardy, ชาลี แชปลิน Charlie Chaplin, มาในปัจจุบัน การดูทีวี ของผมเปลี่ยนไป อาจจะเป็นด้วยอายุ มากเกินไปก็เลยหันมาดูรายการ ข่าว สารคดี
ประวัติศาสตร์ แต่รายการข่าวสมัยนี้ทำให้ผมพาลไม่อยากดูโทรทัศน์ไปเลย หากแต่เพราะว่าสมัยนี้ คนในโทรทัศน์เขาพูดจากันแปลก ๆ ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ดูแล้วมักจะเก็บมาปวดหัวเปล่า ๆ
ดาราละครบางท่านก็เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นหญิง หรือชายออกมาให้สัมภาษณ์ Interview เรื่องส่วนตัว ความรัก อกหัก เลิกกัน หรือกลับมาดีกัน บางทีก็เรื่องทำร้ายร่างกาย นักข่าวถามนิดเดียว แกเล่าเรื่องราว จนละเอียดยิ้บไม่มีการปิดบังเลย ไม่มีการอาย บางทีถึงกับฟ้องร้องกันก็มี สังคมคนบันเทิงเปลี่ยนแปลงไปมาก
อย่างรัฐมนตรีหรือผู้ยิ่งใหญ่ให้สัมภาษณ์ว่ายังงี้ยังโง้น เสนาะหูนานาประการอยู่หยก ๆ อ้าว ! วันรุ่งขึ้น บอกซะอีกอย่างแถมยังยืนยันนอนยันว่าผมไม่ได้พูดเสียดื้อ ๆ งั้นแหละ ทำยังกับคนดูโทรทัศน์เขาตาฝาด หูแชเชือนไปเอง พูดแล้วบอกไม่ได้พูดถ้าผมเป็นนักข่าวคงโดดเตะก้านคอไปแล้ว แต่มาคิดอีกทีผมคงจะล้มก่อนที่เท้าจะไปโดนก้านคอผู้ยิ่งใหญ่ แต่เล็กกว่าโลงศพ
ผู้ยิ่งใหญ่บางท่านพอนักข่าวไปมะรุมมะตุ้มถามก็ขึ้นสีหน้าว่าใหญ่เสียมิมี แล้วก็ทำเสียงสะบัดแบบรำคาญใจนานาประหนึ่งว่าข้านั้นมีปีกมีหางเหาะมาจากชั้นฟ้าไม่เหมือนมนุษย์ (แค่นักข่าวถามเรื่องข้าวผัดกระเพรา เสมือนหนึ่ง ข้าไม่เคยกิน และทนกลิ่นไม่ได้) เดินดินหยั่งพวกเอ็ง
คนดู ๆ แล้วก็หมั่นไส้ (โว้ย)
รายการเดียวทางโทรทัศน์ที่ผมพอจะทนดู (ดูทนเพราะไม่มีอะไรจะดู ) ได้ก็คือรายการข่าวผ่านดาวเทียม เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องของบ้านอื่นเมืองอื่นเค้า จะเบื่อหน่ายหายใจขัดไปก็ป่วยการ ทำให้สามารถทนดูได้โดยดุษฎี
จะข้องใจในดวงจิตอยู่อย่างเดียวก็คือภาษาการแปลข่าวของโทรทัศน์บางสถานี ซึ่งไม่ค่อยจะเป็นภาษาคนอย่างไรก็บอกไม่ถูก
อย่างวันหนึ่งมีภาพประธานาธิบดีโอบามา ของสหรัฐเดินเนิบ ๆ ไปไหนก็ไม่รู้และมีคนเดินตามเป็ยพรวนเหมือนเคย มีภาพห้องประชุม แล้วต่อมาก็มีภาพโอบามายืนพูดหน้าไมโครโฟนตะโกนซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นภาพอันไม่แปลกตา และสามารถจะเป็นภาพประกอบของข่าวอะไรก็ได้ ๑๐๐ แบบ ด้วยว่าตัวนายโอบามานี้แกไม่เห็นทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ข่าวว่าจะไปถล่มซีเรีย
นอกจากออกมายืนหน้านิ่วคิ้วขมวดตะโกนแล้วก็จีบปากคอพูดอยู่ไปมาทีละยาว ๆ ใส่แว่นมั่งไม่ใส่แว่นมั่ง แล้วเขาก็ไม่เปิดเสียงให้เราเดาว่าแกพูดอะไร แต่ภาษาของข่าวที่บรรยายนั้นก็ไม่เคยทำให้รู้เรื่องขึ้นมาเลย ดีแต่ว่าเดี๋ยวนี้มีตัวหนังสือวิ่งข้างล่างของจอภาพ เลยพอจะเดาเรื่องราวได้บ้าง นอกจากนั้นยังมีโฆษณาประกอบอีก ยัง ยังไม่พอมีผู้ชมทางบ้านส่งข้อความเข้าไปอีก มั่วไปหมดไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
เดี๋ยวนี้ผมก็เลยชักจะเริ่มนิสัยใหมในการดูโทรทัศน์ นั่นคือดูเอารูปไม่ได้ดูเอาเรื่อง แล้วก็เลยสบายใจค่อยหายท้องผูกไปได้หน่อยหนึ่ง แต่การดูเอารูปนั้นบางทีก็ก่อทุกข์หยุมหยิมซึ่งเป็นที่น่ารำคาญใจ และชวนหงุดหงิดซึ่งแย่ยิ่งกว่าทุกข์ตามอริยสัจจ์คือ เกิด แก่ เจ็บ และตาย ตามที่พระพุทธองค์ท่านว่า ทั้งนี้ด้วยว่าตาของคนเราเมื่อรับใช้เจ้าของมาช้านานถึง ๖๐ กว่าปีบางทีมันก็ฟั่นเฟือน เริ่มมีอาการอ่านหนังสือตู่ตัว ดูภาพผู้ชายแล้วนึกว่าผู้หญิง บางทีดูภาพเมียน้อยนึกว่าเมียหลวง ( ซึ่งก็เป็นที่ปิติปลาบปลื้มของเมียน้อยเจ้าของภาพ ) หรือบางทีดูภาพอะไรแล้วก็ไม่ได้นึกอะไรแต่เห็นเป็นอะไรก็ไม่รู้
เรียกว่าเป็นความแปรปรวนของกายสังขารว่ายังงั้นเถอะ เมื่อเร็ว ๆ นี้ อ่านเมนูอาหาร
ก็ยังงวยงงพิศวง และสงสัยไปตั้ง ๖๐ นาที
อ่านเจอ ข้าวหมูแดงก็เข้าใจ ข้าวหน้าเป็ดก็เข้าใจ บะหมี่......รู้เรื่อง เกี้ยวกุ้งน้ำใส....บ๊ะ ! เข้าใจซิน่า ทีนี้ พอถึงเกี๊ยวกุ้งน้ำใสทอดกรอบ โอ้ โฮ ! งงไป ๓๒ วินาที แล้วก็นึกภาพไม่ออกไปตั้งชั่วโมงว่า เกี๊ยวกุ้งน้ำใสนั้นเขาจะเอาไปทอดกรอบได้ยังไง เวลาจะทอดจะเทน้ำทิ้งซะก่อนหรือเปล่า แล้วก็ทอดแล้วมันจะกรอบได้ยังไง ในเมื่อเกี๊ยวกุ้งน้ำใสนั้นน่ะมันแชะแฉะ เฮ้อ !
จะเขียนว่าเกี๊ยวกรอบไส้กุ้งก็ไม่ได้เราจะได้อ่านเข้าใจ ให้ดิ้นตายเถอะ !
พออายุ ๖๐ ไปแล้ว หูตาก็ชักไม่ว่องไว อย่าว่าแต่สมองเลย อ่านอะไรรีบ ๆ มันก็จะ
ตู่ตัวหนังสือ น่ะซิจะอะไรเสียอีก
เมื่อเร็ว ๆ นี้ขับรถผ่านร้านแห่งหนึ่งขณะที่รถกำลังติด เหลือบแว่บไปมองโดยไม่ตั้งใจก็เห็นเขาเขียนโฆษณาสรรพคุณไว้เต็มกระจกหน้าร้านแต่ตัวอักษรค้อนข้างเล็ก แต่เจาะอ่านมาได้ ๒ วรรค เท่านั้นว่า
".....ปรับไฟ จี้ตูด....."
โอโฮ ! ทีนี้ก็สงสัยเสียมิมีละว่าร้านนี้เขาขายอะไร ครั้นจะเหลียวกลับไปมองก็พอดีไฟเขียวต้องรีบออกรถ วันนั้นทั้งวันเลยไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว เอาแต่ครุ่นคิดว่า ปรับไฟนั้นมันเกี่ยวกับอะไร ก๊ะจี้ตูด ทำไมต้องจี้ และจี้ด้วยอะไร ไม่จี้ได้ไหม แล้วจะจี้ทำมัยต้องปรับไฟเสียก่อน ไอ้การ
ปรับไฟนั้นน่ะพอจะเข้าใจอยู่หรอก เพียงแต่ไม่เข้าใจเท่านั้นเองว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับการจี้ตูด แล้วตูดน่ะตูดของใคร....กันแน่ !
หรือว่าจะเป็นร้านขายมอเตอร์ไซค์แล้วมีบริการพิเศษคือรับจ้างขี่ (มอเตอร์ไซค์) จี้ตูดรถคันอื่นเล่น ๆ ดีกว่าอยู่เปล่า ๆ
เอ ! หรือจะเป็นร้านรับฝึกการจราจรให้รู้จักขี่มอเตอร์ไซค์จี้ตูดรถบรรทุก โอ้ย ! จะบ้าตาย
คิดทำไมวะนี่ ลองสมมุติแล้วก็ให้พิลึกพิลั่นไปทุกรูปแบบนั่นแหละ ลองได้ขึ้นชื่อว่าจี้ตูดใครหรือ
จี้ตูดอะไรแล้วละก้อ
เออ ! ถ้าว่าจี้เอวก็ยังพอจะเอิ๊กอ๊ากน่ารักบ้าง แต่การจี้เอวคนก็ยังไม่เห็นมีใครเปิดรับบริการ มีแต่ขายสินค้าที่คุณภาพใกล้เคียงคือให้หัวร่อเองโดยไม่ต้องจี้ พวกหนังสือขายหัวเราะทั่ว ๆ ไป
ตกลงเรื่องปรับไฟแล้วทำไม่ต้องจี้ตูด นี่ก็เลยเป็นเรื่องลึกลับที่คิดไม่ออก วันนั้นทั้งวันเป็นวันทำอะไรไม่ได้เลย เอาแต่คิดเรื่องปรับไฟ และไช เอ๊ย จี้ตูดอยู่อย่างนั้น
ดึกดืนคืนนั้นเลยต้องลุกขึ้นแต่งตัวรัดกุม ปั่นจักรยาน ออกไปดู ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย พอไปถึงด้อมดูที่หน้าร้านมันเป็นคลินิกหมอเปิดใหม่เส้นทางสายใหม่ สถานที่สร้างปัญหาคับอก เอาไฟฉายส่องดูอย่างพินิจพิเคราะห์จึงเห็นถนัดว่าที่นั่นเป็นร้านหมอและเขาโฆษณาว่า
" ฉีดวัคซิน ผ่าตัด ขริบไฝ แล้วก็จี้หูด"
นึกพิลึกพิลั่นไปเปล่า ๆ ปลี้ ๆ แถมยังเสียวก้นอีกต่างหาก ตั้หลายชั่วโมง.....จะบ้า !
หมายเหตุ คำว่า "ตู่ " หรือ "ขี้ตู่" ความหมายก็คือ: ท่านคงไปฟังมาจากใครหรืออ่านของใคร แล้วมา ขี้ตู่ เอาว่าเป็นของผม, ชอบทึกทักเอาเป็นของตัว
V. be apt to make false claims def:[ชอบทึกทักเอาเป็นของตัว] syn:{ขี้ตู่กลางนา} sample:[ท่านคงไปฟังมาจากใครหรืออ่านของใคร แล้วมาขี้ตู่เอาว่าเป็นของผม]
__________________________
Sampan Chanpa
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น