เรื่องทุกเรื่องเป็นอดีตไปหมดแล้ว เกิดจากความจำ เกิดจากอารมณ์ขำ อ่านแล้วไม่เครียด อ่านแล้วขำลึก ๆ นึกขึ้นมาที่ไรก็เบิกบานทุกครั้ง
วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556
เรื่องของกรรม (เรื่องนี้ไม่ตลก)
เรื่องของกรรม (อย่ามองข้าม ) ตอนที่ ๑
เรื่องที่ ?
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน ผมต้องขอยอมรับว่าผมมีความผูกพันกับวัตถุชนิดนี้น้อยมาก เพราะตัวผมเองก็ไม่เคยมีปืน และออกจะกลัว ๆ เสียด้วยซ้ำไป แต่ก็ต้องย่อมรับว่าในช่วงหนึ่งของชีวิตผมได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับอาวุธที่เรียกว่าปืน อย่างช่วยไม่ได้ เพราะจริง ๆ แล้วก็ไม่มีใครจะช่วยผมได้
วันนั้นผมจำได้ว่าเป็นเวลาพักกลางวันภายในโรงเรียน (ขอสงวนชื่อโรงเรียนนะครับ) แต่มีครูอาวุโส ท่านหนึ่งท่านชอบอาวุธปืนเอามาก ๆ ท่านพกปืนไปโรงเรียนทุกวัน ไม่รู้ว่าท่านพกปืนไปทำไมเพราะเท่าที่สังเกตท่านเป็นคนที่ไม่มีศัตรู อารมณ์ดี ติดตลก ข้อสำคัญ อันนี้ผมแอบไปรู้มาเอง คุณครูท่านนี้ กลัวเมียมากที่สุดเท่าทีผมไปรู้มา
มีผู้สันทัดกรณี ได้แอบเข้าไปเห็นพฤติกรรมของคุณครูผู้นี้ทำยุทธหัตถีกับเมียแก แล้วแอบมากระซิบดัง ๆ ให้ผมฟังว่า แกกลัวเมียแกมากขนาดตีกันวันนั้น ได้ยินเสียเมียแกร้องลั่นบ้านว่า " ช่วยด้วย ช่วยด้วย " สนั่นบ้าน คนแถวนั้นก็ได้ยิน ลูกหลานได้ยินกันหมด รวมทั้งตัวผู้เล่าเหตุการณ์ให้ผมฟัง ทุกคนวิ่งขึ้นไปบนบ้าน แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นนั้นมันกลับไม่ได้เป็นไปตามที่คาดคิด ภาพที่ปรากฎ นั้น เมียแกนั่งคร่อมบนตัวสามีแกมือซ้ายกดคอมือขวาตบสามีแบบไม่ยั้ง ปากเมียแกก็ร้องตะโกน ให้คนช่วย ไม่รู้จะร้องทำไมเพราะดูสภาพการณ์แล้ว ผัวแกน่าจะเป็นฝ่ายร้องมากกว่า
ว่าจะเล่าเรื่องปืนไหงดันไปเล่าเรื่องผัวเมียตีกัน เป็นอันว่าเรื่องนี้พักไว้แค่นี้ วันนั้นผมจะไม่มีวันลืมเลย คุณครูท่านนี้แทนที่จะพกปืนสั้นมาอย่างที่เคยเป็น แต่แกดันถือเอาปืนยาวมาโรงเรียนด้วย มีครูหลายคนถามแก ว่า พี่เอาปืนยาวมาทำไม แกก็ได้แต่ยิ้มแบบคนอารมณ์ดีแต่ไม่ให้คำตอบ
แต่พอแกเดินผ่านห้องผมแกก็บอกว่า" สัมพันธ์ ตอนพักเที่ยงว่างหรือเปล่า" ผมบอกว่า
"พี่มีธุระอะไรจะให้ผมทำหรือครับ" "เปล่าไม่มีอะไรหรอก" แกตอบผมเบา ๆ เป็นคำพูดที่เราเคยได้ยินบ่อย ๆ (แต่ความจริงมีเรื่อง) "จะชวนสัมพันธ์ ไปซ้อมมือหน่อย" ผมก็ถามแกไปว่า "ซ้อมอะไรครับ" "ยิงปืนซ้อมเป้า"แกว่าของแกแบบนั้น "แต่ผมไม่เคยยิงปืนนะพี่" เฮ้ย !!! เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่สอนให้ เป็นอันจบเพราะแกเดินไปเลยไม่รอคำตอบ
เที่ยงวันนั้นหลังสนามฟุตบอลล์ ไม่ใช่ผมคนเดียวที่พี่แกชวน แต่มีครู มณฑล ครูไพบูลย์ รวมผมอีกคนเป็นสาม พี่เจ้าของปืน (ผมขอสงวนนามท่าน)" ใครจะประเดิมก่อน เป้าปืนพี่ให้เด็กไปทำเรียบร้อยแล้ว " ทุกคนเงียบ " งั้น มณฑลก็แล้วกัน ไพบูลย์คนต่อไป ส่วน สัมพันธ์ ยังไม่เคยยิงเอาไว้คนสุดท้าย " แกจัดคิวให้เสร็จ ผมก็อดถามแกไม่ได้ว่า "แล้วทำไมพี่ไม่ยิงให้ผมดูก่อนครับ" แกตอบว่า " เรื่องนั้นน้องไม่ต้องเป็นห่วงพี่เคยยิงบ่อย พี่อยากให้น้อง ๆได้ทดลองยิงกัน พี่ให้คนละห้านัด แต่สำหรับพี่ขอนัดเดียว"
ฟังจากน้ำเสียงที่พี่แกพูดแล้ว ฝีมือพี่แกคงจะไม่เบาทีเดียว พวกผมทั้งสามเริ่ม ยิงปืนกันจนครบ ถูกเป้าบ้างไม่ถูกเป้าบาง ที่ถูกเป้าก็ไม่ใช่ตรงกลาง เฉียดไปก็เฉียดมา แต่ก็เป็นที่สนุกสนาน ทีนี้ถึงตอนที่พี่เจ้าของปืนได้แสดงฝีมือ ทุกคนเงียบกริบไม่มีใครส่งเสียงตาจ้องแบบไม่กระพริบไปที่เป้า แต่ก็ไม่เห็นพี่แกเหนี่ยวสับไกปืน ได้ยินพี่แกพูดว่า "ทำไมเงียบ" "ผมกลัวว่าพี่จะไม่มีสมาธิครับ" ผมตอบพี่แกไปแบบนั้น " ไม่เป็นไรพี่น่ะไม่ได้คุยนะ ระยะแค่นี้พี่หลับตายิงก็ยังได้เลย สัมพันธ์" เสียงปืนดังสนั่นขึ้น ผมตกใจ แทบตาย ผมไม่นึกว่าแกจะยิงปืนในขณะที่กำลังพูดอยู่กับพวกผม
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ แม่นเป็นจับวาง ตรงเป้าพอดี แต่ที่ผมทั้งสามตกใจสุดขีดน้้น ก็คือเสียงที่พี่แกหัวเราะดังลั้น แต่ขณะเดียวกันนั้นแกคงดีใจมากจนลืมตัวเอาด้ามปืนกระแทกพื้นลูกปึนดันลั่นออกมาอีกหนึ่งนัดเฉียดพวกเราไปนิดเดียว ไปถูกหลังคาสังกะสี เป็นรูโหว่ ทุกคนอ้าปากตาค้างไปตาม ๆ กัน ผมเห็นพี่แกหน้าซีด แต่ไม่รู้ว่าผมและเพื่อนครูอีกสองคนหน้าซีดด้วยหรือเปล่า
พี่แกคงเสียใจมาก แกพูดออกมาเบา ๆ แต่พวกเราทั้งสามคนก็ได้ยินกันชัดเจน เพราะมันเงียบมาก
"พี่เสียใจพี่นึกว่าหมดแม็กแล้ว พี่ไม่น่าพลาดเลยต่อไปนี้พี่คงจะไม่ชวนน้อง ๆ มายิงปืนอีกแล้ว"
ตั้งแต่วันนั้นพี่แกก็ไม่เอาปืนมาโรงเรียนอีกเลย รวมทั้งปืนพกที่พี่แกพกเป็นประจำ พวกผมเองก็ไม่กล้าถามพี่ แต่ทุกวันนี้พี่ผมคนนี้เสียชีวิตไปแล้ว ผมจึงขอนำเรื่องนี้มาเล่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับนักเลงปืนทุกท่านครับ
ความจริงพี่ผมคนนี้ยังมีเรื่องที่น่าสนใจและขำ ๆ อีกหลาย ๆ เรื่องซึ่งถ้าผมมีโอกาสจะนำมาเล่าสู่กันฟัง
_________________________________________
สัมพันธ์ จันทร์ผา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น