เรื่องทุกเรื่องเป็นอดีตไปหมดแล้ว เกิดจากความจำ เกิดจากอารมณ์ขำ อ่านแล้วไม่เครียด อ่านแล้วขำลึก ๆ นึกขึ้นมาที่ไรก็เบิกบานทุกครั้ง
วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556
เรื่องของ "ภาพโมนาลิซา" ที่บางท่านอาจยังไม่รู้
มาดามลิซา
เรื่องต่อไปนี้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว ต้องค่อย ๆ อ่านนะครับ หากจะถามว่า ผมชอบอะไรมากที่สุด คำตอบสั้น ๆ ก็คือ เดินดูรูป ลูบหรรษา บ้าหนังสือ แล้วดูหนังฟังเพลงไปตามเรื่อง บางท่านถึงกับลงทุนเดินทางไปถึงเยอรมัน ก็เพราะอยากจะดูรูปเขียนของ คุณถวัลย์ ดัชนี ที่เจ้าชายเยอรมัน ผู้ร่ำรวยล้นฟ้ามาอุ้มเอาตัวถวัลย์ไปเขียนไว้ให้เป็นศรีสง่าแก่ปราสาทของท่าน
เมื่อถวัลย์ถามว่าจะให้เขียนรูปอะไร เจ้าชายก็ตอบว่า " เขียนตามใจของคุณก็แล้วกัน...เขียนอะไรก็ได้" เล่นเอาถวัลย์มึนตึบต้องไปนอนก่ายหน้าผาก คิดแล้วคิดอีกอยู่เจ็ดวันเจ็ดคืนกว่าจะตกลงใจได้ว่า ควรจะเขียนอะไรจึงจะสมกับที่เป็นผลงานของจิตรกรไทยผู้นับถือศาสนาพุทธ ใครอยากเห็นภาพนี้ของถวัลย์ ต้องไปดูที่ปราสาท ชล็อส คร็อตทอฟ ใกล้ ๆ กรุงบอนน์ (หมายเหตุผมก็ไม่เคยไปเหมือนกันกลัวเครื่องของเครื่องบินดับ)
การเขียนภาพนั้นเป็นการแสดงออกทางอารมณ์ศิลปอย่างหนึ่งของมนุษย์ ซึ่งมีมาตั้งแต่โบราณตอนที่มนุษย์ยังอยู่ในถำ สมัยกรีกและโรมันก็มีรูปเขียนและรูปปั้นเยี่ยม ๆ การได้เดินดูภาพเขียนสวย ๆ งาม ๆ พวกนี้ อันไหนเราไม่ชอบก็อย่าไปเสแสร้ง ถึงนักวิจารณ์จะตะโกนว่าดีวิเศษอย่างไร ก็อย่าไปดูมัน รูปไหนเราชอบ ก็หยุดพินิจพิศดูให้นานหน่อย เรียกว่าดูแบบกลืนกินกันเข้าไปเลย... นี่คือความสุขอย่างหนึ่งซึ่งไม่ต้องลงทุนราคาแพง หากว่าท่านยังไม่มีโอกาสไปดูถึงปารีส จะใช้วิธีซื้อหนังสือรวมภาพเหล่านี้มานอนดูเล่นไปพลาง ๆ ก่อนก็ยังได้
ในบรรดาภาพเขียนมีชื่อทั้งหลายของนานาชาติทั่วโลกนั้น เห็นจะไม่มีภาพไหนโด่งดังและงดงามเท่ากับ "โมนาลิซา" ของ ลีโอนาโด ดาวินซี (คนอิตาลีออกเสียงเป็น ดาวินชี) ทั้งไทยจีนพม่ารามัน อ้อ! เดี๋ยวจะลืมพวกฝรั่งรู้จักภาพนี้กันทั่วหน้า บางคนคนถึงกับเอาไปตั้งชื่อลูกสาวก็มี พอลูกสาวแก่ตัวลงไม่รู้จะเรียกชื่อลูกสาวว่าอย่า่งไร
ภาพ "โมนาลิซา" นี้ ผมเคยได้ยินกิตติศัพท์ชื่อเสียงมานานและเคยได้เห็นรูปถ่ายในหนังสือมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จนจำได้ติดตา ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ที่ปารีส ต้องยอมรับว่าในภาพยิ้มของเธอมีเสน่ห์รัดรึงใจอย่างประหลาด (เขาว่ากันไป) มีผู้เล่าว่าเคยมีคนอิตาเลียนกะโกนใส่ในขณะที่มีคนหลายชาติยืนชมภาพโมนาลิซาในพิพิธภัณฑ์อย่างรุนแรงว่า " เลวระยำ ! นี่มันเป็นภาพของอิตาลีนี่หว่า....เขียนโดยศิลปีนอิตาลี...เป็นสมบัติของอิตาลี ควรจะอยู่ที่อิตาลี...เจ้านะโปเลียนตัวดีใช้อำนาจไปบีบคอปล้นเอาของเรามา...ถึงได้มาตกอยู่ที่ฝรั่งเศสนี่... ทำเงินให้ฝรั่งเศสปีละไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ล้าน...."
เจ้าหน้าที่ประจำพิพิธภัฑณ์เห็นท่าไม่ดี เลยต้องมาเชิญกระทาชายชาวอิตาเลียนผู้นั้นออกไปเสีย (ความจริงไล่ให้ออกไป) เกรงว่าถ้าขืนปล่อยให้เจ้าหมอนั่นระเบิดอารมณ์ฟพลุ่งพล่านต่อไป อาจ
กระโดดเข้าเตะหรือเอามีดกรีดเสียหายได้ (นี่แค่ภาพนะ บ้านเราเขาพระวิหารทั้งลูกยังเสือกยกให้เขมรจัญไรจริง ๆ )
นางแบบที่มานั่งให้ ลิโอนาโด ดาวินซี วาดภาพนี้คือ มาดามลิซา ภรรยาคนที่สามของ Francesco del Qiocondo ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับวัวพันธุ์สวีสและหนังแกะดิบ (นี่ก็แสดงว่า มาดามลิซามีสามีแล้วเป็นภรรยาน้อยรำดับสามด้วย) เวลาเธอมาที่สตููดิโอเธอมาคนเดียว สามีไม่ได้คุมมาด้วย
ปกติเธอสวยหยาดฟ้าอยู่แล้ว ไม่งั้นศิลปินเอกอย่าง ลิโอนาโด ดาวินซี คงไม่เลือกเอามาเป็นนางแบบ ขั้นตอนในการวาดภาพก็ยุ่งยากพอสมควร แต่เพื่อให้ได้อารมณ์และยิ้มของเธอรัญจวนใจยิ่งขึ้น และมีการสร้างบรรยากาศให้ชื่นมื่น ขณะที่นางแบบนั่งให้วาดนั้น มีน้ำพุเริงระบำอยู่ข้างหลังและแวดล้อมด้วยดอกไอริส (สีม่วง) และดอกลิลลี่ (สีขาว) แถมมีนักดนตรีมาขับกล่อมนางอยู่ด้วย เรื่องอาหารการกินไม่ได้กล่าวถึง ลองนึกดูเถิดว่าจะโรแมนติกสักเพียงใด เพราะเขาวาดก็เฉพาะยามโพล้เพล้เท่านั้น
ศิลปินเอกใช้เวลาวาดภาพนี้อยู่ถึงสามปี แต่ยังไม่จุใจ เขายังนั่งยันยืนยันอยู่เสมอว่าภาพนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ง่าย ๆ จะไปไหนก็ต้องหอบเอาไปด้วย เพื่อคอยแก้ไขเสริมตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย
ผู้ที่ว่าจ้างให้วาดได้แก่ พระเจ้าฟรานซิสที่ ๑ แห่งฝรั่งเศส โดยตกลงค่าจ้างกัน สี่พันเหรียญทองฟลอรินส์ พระเจ้าฟรานซิสที่ ๑ ทรงโปรดรูปนี้มาก พอได้ไปแล้วก็เอาไปแขวนในห้องสรงน้ำ
ต่อมาภายหลังภาพนี้ได้ไปแขวนแสดงอยู่ในหอศิลปที่อิตาลีเพราะถือกันว่าเป็น "เพชรน้ำเอก"
ของชาติอิตาลี จนกระทั้งนะโปเลียน (บางครั้งก็เขียน นโปเลียน) โบนาปาร์ต กรีฑาทัพเข้าไปในอิตาลี ได้ไปเห็นภาพนี้เข้า เลยใช้อำนาจคว้าเอาไป (จริง ๆแล้วขโมยมากว่า) และเอาไปแขวนไว้ในห้องบรรทมของพระองค์ (อยากจะเป็นเจ้ากับเค้าเหมือนกันสุดท้ายก็ตายหยั่งขอทานเศร้าใจจริง ๆ เหมือนใครบางคน) ตอนหลังจึงตกมาเป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ในกรุงปารีส ยิ้มเรียกนักท่องเที่ยวเอาเงินเข้าประเทศฝรั่งเศสเป็นการถาวร เรื่องนี้ยังไม่จบแค่นี้นะครับ แต่เอาไว้เขียนคราวหน้าอีกสักตอน ว่าภาพ โมนาลิซา ได้ อันตรธาน ไปจาก พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ในกรุงปารีสได้อย่างไร
เลโอนาร์โด ดา วินชี
โมนาลิซา
โมนาลิซา
_______________________________
Sampan Chanpa
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น