วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

คนกับหมา (หมาแข่ง) ตอนที่ ๒




                                                  หมาแข่งในอังกฤษ


     เคยได้กล่าวไว้ในตอนที่แล้วว่าคนอังกฤษรักหมามาก แต่บางครั้งก็ได้อาศัยความผูกพันของคนกับหมานำมันมาเข้าสนามแข่งขันเสียเลยปะเหมาะเคราะห์ดีรวยไม่รู้เรื่อง เพราะหมาไม่เคยล้มมวย
ส่วนหมาที่คนอังกฤษนิยมเลี้ยงเพื่อแข่ง  คือ หมาพันธุ์เกรฮาวน์ (Grayhound) บอร์ซอย (Borzoi)
วิปเพท (Whippet) และซาลูคิ (Zaluki) แต่ที่นิยมกันจริง ๆ คือเกรฮาวน์และพันธุ์วิปเพท สนามแข่งหมานี่จะมีเกื่อบทุกเมือง  เพราะเป็นที่นิยมกันมากถึงกับมีการถ่ายทอดสดออกโทรทัศน์ (เมื่อก่อนเรียกโทรภาพ) หนังสือพิมพ์บางฉบับเขียนเก็งกันเลยว่าอาทิตย์นี้มีหมาเก็งกี่ตัว  ควรจะแทงตัวไหน
จากคอกคนโน้นคนนี้  แต่ก็เป็นหนังสือพิมพ์บางฉบับเท่านั้นที่ให้ความสนใจอันนี้  เหมือนบ้านเราที่
หนังสือแต่ละฉบับมีความสนใจหนักไปทางไหนต่างฝ่ายก็มีลูกค้าขายประจำกันไปตามรสนิยม  แต่
ความสนใจเรื่องหมาแข่งนั้น  สรุปได้ว่า  ประชาชนจำนวนกว่า 10 ล้านคน  สนใจดูหมาแข่งกันมาก
เงินพนันมูลค่าสูงถึง 75,000,000 ปอนด์

                                   สุนัข เกรย์ฮาวด์ (อังกฤษ: Greyhound)


เกรย์ฮาวด์ (อังกฤษ: Greyhound) ถิ่นกำเนิดอยู่ที่อังกฤษ การใช้งานคร้งแรก ไล่กวดกระต่ายป่า กำเนิดเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ส่วนสูง 69-76 ซม. น้ำหนัก 27-32 กก. นิสัย เป็นมิตร ร่าเริง
สุนัขเกรย์ฮาวนด์ที่ใช้ในการประกวดจะมีขนาดใหญ่กว่าที่ใช้ในการวิ่งแข่ง


     ผู้ที่ก้าวเข้าไปในสนามไวท์ซิตี้ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกในลอนดอน  คนไม่เคยมาดูมักจะตื่นเต้น
มาก  ความจริงก็เหมือนสนามม้าบ้านเรา  เพียงแต่ว่ามีขนาดเล็กลงมาหน่อย  คนเล่นส่วนมากมักเป็นคนชั้นกลางและกรรมกรทุกคนหวังรวยจากรายการหมานำโชคนี้กันทั้งนั้น  ในสนามแข่งหมานี้จะมี
ภัตตาคารกระจกสามารถมองเห็นสนามหมาแข่งอย่างชัดเจน  จากที่นี่คนดูจะนั่งกินอาหารอย่างสำราญใจ  ดูหมาที่ทุกคนหลอกให้วิ่งไล่กระต่าย (ไฟฟ้า) จนเหนื่อยลิ้นห้อย นับเป็นเกมกีฬาหลอก
หมาซึ่งคนอังกฤษนิยมกันจริง ๆ

                                 เกรย์ฮาวด์ (อังกฤษ: Greyhound)ที่ใช้ในการวิ่งแข่ง

     ที่ไวท์ซิตี้นี้ จะมีการพบปะระหว่างเซียนหมาทั้งหลาย ปีหนึ่ง 130 ครั้ง จะมีการแข่งครั้งยิ่งใหญ่
เรียกว่า "เกรฮาวน์ ดาบี้" เป็นการแข่งขันที่รวมนักพนันหมา ๆ ทั้งหลายทั่วประเทศ เงินราวัลครั้งนี้คิด
เป็นเงิน 20,000 ปอนด์ คิดเป็นเงินไทยตอนนั้นก็ราว ๆ เกือบ 1 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้จึงมีนักพนันทั้ง
หลายต่างก็หวังรวยทางลัดกันทั้งนั้น  เรียกว่าเป็นสิ่งเสพติดเลยก็ว่าได้  เพราะแข่งหมาไม่มีฤดูกาล
เหมือนแข่งม้า  อย่างบ้านเรานั้นการแข่งม้าจะงดแข่งในฤดูฝนเพราะสนามเปียกเฉอะแฉะ แต่ฝนในเมืองอังกฤษตกพรำตลอดปี ไม่มีพายุหนักอย่างบ้านเรา  ฝนที่ตกก็ตกโปรยปรายไม่เป็นอุปสรรค
อะไรในการแข่ง


     หมาที่เข้าแข่งมี 6 ตัว ในคืนหนึ่ง ๆ มีการแข่งขัน 8 ครั้ง  การแข่งเริ่มด้วยการพาหมามาเดินรอบ
สนาม  คนจูงมักจะเป็นหญิงสาวแต่งกายรัดกุมเหมือนเตรียมจะไปขี่ม้านั่นแหละ เดินสมาร์ท จูงหมา
ไปรอบสนาม เพื่อให้คนดูสังเกตสังกาหมาแต่ละตัวว่าคึกคักแค่ไหน ตัวไหนจะวิ่งดีไม่ดี


     นักพนันหมาหน้าใหม่มักจะเก็งหมาตัวสวย  ลักษณะท่าทางแข็งแรงสง่างาม  แต่รูปการณ์มักจะ
ไม่เป็นเช่นนั้น  หมางามอาจจะกำลังแรงวิ่งไม่ดีก็ได้ มีนักพนันชาวอังกฤษตัวเอ้คนหนึ่งแอบกระซิบให้คอยสังเกตดูว่าหมาตัวไหนที่วิ่งเก่งนั้น  มักจะขี้เยี่ยวก่อนลงวิ่งแข่ง  แต่นักพนันคนไทยที่ไปด้วยค้าน (เป็นภาษาไทย) ว่า มันไม่แน่หรอกนาย หมาที่ขี้เยี่ยวก่อนอาจจะประสาทตื่นเต้นตกอกตกใจขี้แตกเยี่ยวแตกก่อนก็ได้แล้วก็เป็นจริงดังว่าเสียด้วย  คือหมาตัวที่ขี้เยี่ยวก่อนลงสนามวิ่งมาเป็นที่โหล่
อันดับหก  การแข่งขันเที่ยวนี้คนไทยก็เลยได้เงินรางวัลไปหลายปอนด์อยู่

                                               การวิ่งแข่ง Greyhound
                                          เกรย์ฮาวด์ (อังกฤษ: Greyhound)



     การแข่งแต่ละครั้งนั้นเขาจะทำกระต่ายเทียม 1 ตัวมาล่อให้หมาวิ่งตาม แล้วหมาทั้งหกตัวต่างก็วิ่ง
กันอย่างไม่คิดชีวิต  เหมือนเวลาเราพูดเปรียบเทียบเวลาคนวิ่งหนีหรือวิ่งไล่ว่าใส่ตีนหมานั่นแหละ
มายืนดูหมาวิ่งแล้วจะเห็นภาพว่าเป็นจริงอย่างที่เขาพูดกัน


     ที่ไวท์ซิตี้  จะมีการเลี้ยงหมากันอย่างเป็นหลักเป็นฐาน  หมาที่วิ่งเก่งจริง ๆ จะมีบ้านเป็นของตัวเอง  มีเทรนเนอร์คอยเลี้ยงดูคอยเอาใจใส่พาหมาออกไปวิ่ง  อาหารการกินต้องตามตารางเหมือน
นักมวยไม่มีผิด  จะกินเปรี้ยวกินหวานมากไม่ได้ ต้องควบคุมน้ำหนักความเป็นอยู่ทุกอย่าง ราคาซื่อ
ขายหมาแข่งนี้มีตั้งแต่ 400 ปอนด์ ไปจนถึง 5,000 ปอนด์ (ค่าตารางเงินเปรียบเทียบเมื่อสามสิบ
กว่าปีที่แล้วก็ประมาณ 2 แสนกว่าบาท ) ตามเกรด


     เจ้าของหมาจะต้องส่งหมาไปฝึกที่สก๊อตแลนด์ ไอซฺแลนด์ ค่าฝึกหมา ไม่แพงประมาณ 8 ปอนด์
ต่อ 1 อาทิตย์ เป็นค่าอาหาร ค่าฝึกหัด  และหมาที่มีโอกาสลงสนามแข่งจะชนะหรือไม่ก็ตาม  เจ้าของหมาจะได้ 8 ปอนด์ทุกครั้งไป และถ้าหมาวิ่งชนะบ่อย ๆ ครั้งก็เจ้าของอีกนั่นแหละจะได้รับเงินถึง 27,000 ปอนด์ต่อปี


     รวมความแล้วเจ้าของหมาแข่งมีทางได้ทางเดียว  ส่วนความสัมพันธ์ความรัก ความใกล้ชิดนั้นลืม
ได้เลยไม่เคยมีกับหมาของตัวเอง เพราะปรากฏว่าเมื่อเลิกแข่ง  บางครั้งหมามันก็ทำเฉยเมยกับเจ้าของ เนื่องจากขาดความรัก ความใกล้ชิด  ดังว่าหมาแข่งพวกนี้จะรักและซื่อสัตย์ต่อคนเลี้ยงคนฝึกมากกว่าเจ้าของเสียอีก


      ถ้าจะเปรียบเทียบระหว่างเมืองจีนกับอังกฤษต่างกันตรงไหน อย่างหนึ่งก็คือเรื่องหมา หมา เพราะเมืองจีนนั้นถือว่าเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยมากมาย ขนาดจะกินเข้าไปยังไม่ค่อยจะมี
     ยังจะมีหน้ามาเลี้ยงหมาอีกเราะ ?...


เรื่อง หมากับคนยังไม่จบนะครับ แต่ขอไว้คราวหน้าอีกสักครั้งคาดว่าจะให้จบในคราวหน้า

                                 __________________________

Sampan Chanpa

    











วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

หมากับคน (ตอนที่ ๑)




                                               หมากับคนหรือคนกับหมา

       ก่อนอื่นกระผมขอออกตัวเสียก่อนว่าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้  เป็นเรื่องที่เลยมาแล้วเกือบสี่สิบปีและในปัจจุบันเหตุการณ์ (incidence) อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เพราะเป็นเรื่องราวเก่า ๆ เรื่องราวต่อไปนี้เกิดขึ้นที่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ต้องย้ำนะครับว่าอังกฤษ เพราะประเทศนี้มีความเป็นมาน่าศึกษา แค่ฉายา ก็ทำให้เราและท่าน สงสัย เช่น เป็นดินแดนที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เป็นดินแดนเมื่องผู้ดี เป็นประเทศที่ไม่ค่อยจะมีแดด ไปไหนก็ต้องมีร่มติดตัวตลอดเวลา (ฝนตกบ่อยเหลือเกิน) เป็นแม่แบบของประชาธิบไตย (ปัจจุบันชักไม่แน่ใจ)






                                                                  Terrier

     ที่อังกฤษนั้นอาจจะมีคนอดตาย  หนาวตาย  หรือจะตายด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ ก็จะไม่เป็นข่าวใหญ่โตแต่ถ้าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหมาขึ้นมาละก็เป็นเรื่องเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งที่เดียว เช่น ข่าวโรงงานผลิตข้าวหมาสไตรค์  หมาอดอาหาร  คนจะเดือดร้อนโวยวายกันเอิกเกริกเป็นข่าวออกวิทยุ ทีวี และหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ


     ความจริงแล้วหมานั้นกินอาหารคนก็ได้  แต่หมาเมื่องอังกฤษเขาไม่ทำกัน  แต่เดิมชาวอังกฤษนิยมเลี้ยงหมาอยู่เพียงบางชนิด คือ  ฟอกซฺฮาวน์ (Foxhound) บลัดฮาวน์ (Bloodhound) บีเกิล (Beagle) และ
บาสเซท (ฺฺฺBasset)

                                                               Foxhound

     ฟอกซฺฮาวน์  เป็นหมารูปร่างสูงใหญ่ หูยาว ขายาว หางดาบ มีประสาทตา จมูก และหูดีเยียม  มีทั่วไปในเกาะบริเตนและภาคพื้นทวีปยุโรป  ผู้ดียุโรป อังกฤษ สก็อต เวลส์ และไอริส  ในสมัยโบราณบำรุง  และ
คัดเลือกผสมพันธุ์เพื่อใช้ในการล่าสุนัขจิ้งจอก   ซึ่งถือว่าเป็นเกมกีฬาของพวกเขา  กีฬานี้เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า  " Fox hunting meet " มีในฤดูใบไม้ร่วง  หลังจากชาวไร่ชาวนาเก็บเกี่ยวพืชผลแล้ว  คนจะขี่ม้าตามฝูงหมา  เจ้าหมาเหล่านี้จะดมกลิ่นนำทางและวิ่งไล่เจ้าหมาจิ้งจอกเคราะห์ร้ายให้เข้าตาจน  เพื่อคนที่ขี่ม้าตามมาจะยิงได้สดวก  หรือบางครั้งฝูงหมาอาจช่วยกันรุมทึ้งรุมกัดฟัดเหวี่ยงหมาจิ้งจอกจนถึงตาย  ก่อนที่
เจ้านายจะตามมาทันก็มีอยู่บ่อย ๆ


                                                       Walker-coonhound
  
     หมาพันธุ์ฟอกซฺฮาวน์  มีหลายสายพันธุ์ (Strain) ทุก ๆ สายพันธุ์มีลักษณะคล้ายคลึงกันกดังกล่าวข้างต้น ส่วนใหญ่จะมี 3 สี ในตัวเดียวกัน คือ ดำ ขาว และแดง  สายพันธุ์ต้นฉบับที่มีชื่อเสียงในอังกฤษเรียก แทเรีย
(Terrier) ตัวเล็กกว่าหมาพันธุ์ฟอกซฺฮาวทั่วไปเล็กน้อย  ในประเทศอเมริกาใต้นำเอาหมาพันธุ์นี้จากอังกฤษเข้าไปเลี้ยง บำรุงคัดเลือกผสมพันธุ์จนมีสายเลือดต่างออกไป ที่มีชื่อเสียงคือTrigg-hound, Walker hound, และ Bluettick-hound แต่ที่แปลกออกไปคือ ในสหรัฐอเมริกาเจ้าของฟอกซฺฮาวน์ไม่ใช่ผู้ดีหรือมหาเศรษฐีเช่นในอังกฤษแต่กลับเป็นชาวนาและเกษตรกร ซึ่ต้องการใช้หมาช่วยในการล่าสัตว์ เช่นสุนัขป่า สุนัขจิ้งจอก
สิงโตภูเขา หมี ตลอดจนแรคคูน มิ้งค์และสกั๊งค์ ที่ชอบแอบเข้ามาลักเอาสัตว์เลี้ยงในฟาร์มไปกิน


                                                 Black_and_tan coonhound
   
     หมาฟอกซฺฮาวน์บางสายเลือดนิยมใช้ในการล่าตัวแรคคูน  เลยเรียกว่า คูนฮาวน์ (Coonhound) นาน ๆ เข้าก็เลยแยกออกมาเป็นหมาอีกพันธุ์หนึ่งต่างหาก  และมีสมาคมผู้นิยมเลี้ยง Coonhound ตั้งขึ้นหลายแห่งทั่วประเทศอเมริกา  มีการประกวดลักษณะงดงามและความสามารถของหมาพันธุ์นี้เป็นประจำ จนกระทั้งในปัจจุบัน หมาฟอกซฺฮาวน์เป็นต้นตระกูลของหมาอีก 3 สายพันธุ์ ที่ใช้ในการล่าสัตว์บก เช่นเดียวกับพันธุ์
บลัดฮาวน์ (Blood hound) แต่ไม่ดุเท่า มีโครงกระดูกที่ใหญ่และดูเทอะทะหน้าย่นปากห้อยเหมาะที่จะใช้
ดมกลิ่นสะกดตามเหยื่อที่เป็นสัตว์ป่าแล้วยังฝึกให้เป็นหมาตำรวจดมกลิ่นได้อีกด้วย

                                          
                                                             Bloodhound

     พันธุ์ที่สอง คือ หมาพันธุ์บีเกิล (Beagle) ตัวเล็กลงมาหน่อยขนาดหมาไทย เจ้าของหมาพันธุ์บีเกิลมักจะเป็นผู้มีอันจะกินพอสมควร  เลี้ยงหมาบีเกิลเป็นฝูง ฝูงละสิบกว่าตัว ใช้ล่าสัตว์เล็ก เช่น มิ้งค์ แบดเจอร์ อีเห็น
และกระต่ายเป็นต้น เห็นตัวเล็ก ๆ อย่างนั้นวิ่งเร็วพอ ๆ กับม้าที่เดียว ประชาชนนิยบมเลี้ยงหมาพันธุ์บีเกิลมาก
กว่าหมาพันธุ์ฟอกซฺฮาวน์ต้นตระกูล  เพราะเจ้าหมาพันบีเกิลกินน้อยกว่าและมีความน่ารักกว่า  เป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านได้เป็นอย่างดี ในขณะที่หมาฟอกซฺฮาวน์ต้องอยู่ในคอกเหมือนอย่างโรงม้าทีเดียว






                                                               Beagle

     พันธุ์ที่สามคือหมาบาสเซทฮาวน์ (Bassel hound) มีลักษณะคล้ายบลัดฮาวน์มาก และมีนิสัยความสามารถคล้าย ๆ กัน คือ ดมกลิ่นเก่ง แต่มีขาสั้นจนดูเหมือนเป็นสุนัขพิการ  ใช้ในการล่าหนูและกระต่ายได้ดี
เพราะชอบขุดคุ้ยดินด้วยขาหน้าสั้น ๆ แต่ทรงพลังมากจนเหลือเชื่อ ชาวบ้านและเกษตรกรผู้ยากจนนิยมเลี้ยง
หมาพันธุ์บาสเซท  เพราะพวกเขาสามารถวิ่งไล่มันไปก็ทัน  ไม่ต้องขี่ม้าเหมือนอย่างพวกผู้ดีและคนชั้นกลาง
ที่มีเงิน  ที่สามารถจะเลี้ยงม้าไว้ใช้ขี่ออกล่าสัตว์ไม่ก็มีไว้ขี่ออกโชว์ตามถนนหนทาง  บ้านไหนมีม้าขี่หรือคอกม้าแข่งก็ถือว่าเป็นชนชั้นผู้ดีอย่างที่เคยเห็นในภาพยนตร์เรื่อง My Fair Lady  หรือ ทรามวัยกับไอ้ตูบ 







                                                             Bassel hound

     แต่ปรากฏว่าในปัจจุบันนี้ หมาพันธุ์บาสเซทและพันธุ์บีเกิลเป็นที่นิยมมากที่สุด  และมีจำนวนมากกว่าพันธุ์อื่น ๆ ในประเภทเดียวกันทั้งหมด  เพราะได้เป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านของคนทั่วไปเสียแล้ว ส่วนหมาบลัดฮาวนั้นจะพบบ้างก็เฉพาะในกองสุนัขตำรวจและสุนัขสงครามเป็นส่วนใหญ่  และที่จริงแล้วหมาพันธุ์
บาสเซทฮาวน์  มีต้นกำเนิดในประเทศฝรั่งเศส  หาใช่อังกฤษไม่     โดยคณะบาดหลวงแห่งวิหารเซนต์
ฮิวเบอร์ต   (Abbot of St. Hubert)   เป็นผู้ผสมขึ้น  จนใน ค.ศ.  1866      ท่านเคาน์ชาวฝรั่งเศส คือ Comte de Tournow ส่งสุนัขพันธุ์เตี้ยนี้ 2 ตัว ชื่อ Basset และ Belle ไปเป็นของกำนัลแด่ขุนนางอังกฤษ
ชื่อลอร์ด ออนสโล (Lord Onslow) นับว่าเป็นบาสเซทฮาวน์คู่แรกของประเทศอังกฤษ

   
     หมาของคนอังกฤษที่เขาเลี้ยงในชนบทเขาใช้เฝ้าแกะ  หมาพันธุ์นี้ตัวใหญ่มาก อุ้งตีนของมันขนาดเท่าเสือดาว  มีขนสีเทาปนขาว  รูปร่างใหญ่โตเป็นหมาพันธุ์คอลลี (Collie)  มันจะระมัดระวังเฝ้าฝูงแกะไม่ให้แตกฝูง  เรียกว่าทำหน้าที่แทนคนได้เลยเชียวละ  เป็นสิ่งประทับใจที่สัตว์สามารถดูแลกันเองได้  ซึ่งบางที
จะดีกว่าคนด้วยซ้ำไป  แต่อย่างไรเมื่อมาอยู่กับคน  คนกลับปลูกฝังนิสัยโหดร้ายให้เพิ่มขึ้นอีก  ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาประโยชน์ของตนเอง เช่น เจ้าของเขาจะตัดหูหมาออกทั้งสองข้าง  เพราะใบหูของหมานั้นเป็นจุึดอ่อน
เวลาที่หมาพันตูกับข้าศึก  อาจจะเป็นหมาป่าที่เข้ามากินแกะหรือสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน และสำหรับคนที่ถือ
วิสาสะเข้ามาหยิบข้าวของโดยมิได้รับอนุญาต

                                                            Collie

     การเลี้ยงและการดูแลหมาพันธุ์คอลลีนั้น  เขาจะเสี้ยมสอนให้หมาพันธุ์นี้กัดที่คอหอยเลยทีเดียวเชียว
ไม่ก็พุงกะทิของคน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นหมาพวกนี้เวลาในตอนกลางคืนมีการใส่เกราะหนังแข็ง ๆ สวมไว้ที่อก
ให้หมาอีก ที่เกราะนี้จะมีหนามเหล็กแหลมยื่นออกมาเวลาหมาป่าหรือคนร้ายก็ตามที่บังอาจล่วงล้ำก็จะโดนเกราะเหล่านี้ป้องกัน  มันจะกระโดดพุ่งเข้าชนโดยกะให้หน้าอกที่สวมเกราะเหล็กได้ระดับพอดีกับหัวกะโหลก
หมาป่าเลย  และจะแม่นราวจับวางเหล็กแหลมจะได้ระดับพอดีกับนัยน์ตาของศัตรู ซึ่งไม่ว่าจะเป็นหมาหรือเป็นคนโดนเข้าก็เรียบร้อยเลยละ (ยังไม่จบนะครับวันนี้ไว้แค่นี้ก่อนคราวหน้าผมจะพูดเรื่องหมาที่คนอังกฤษ
นิยมเลี้ยงเพื่อแข่ง )


                                                   ________________________

Sampan Chanpa










 































วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

นัสรูดินอีกสักครั้ง



เหตุผลที่แท้จริง


เพื่อนบ้านมาหานัสรูดิน

" นัสรูดิน  ข้าอยากยืมลาเจ้าสักตัว "

" ขอโทษเถอะเพื่อน " นัสรูดินตอบ  " ข้าเพิ่งให้คนยืมไป "

ทันทีที่พูดจบ  เสียงลาร้องลั่นมาจากคอกลาของนัสรูดิน

" แต่นัสรูดิน ข้าได้ยินเสียงลานี่นา อยู่โน่นไง "

นัสรูดินปิดประตูใส่เพื่อน แล้วตะโกนบอกอย่างสง่างามว่า

" คนที่เชื่อคำลามากกว่าคำคน  ไม่ควรได้ยืมอะไรสักอย่าง "






                                
                                      _______________________________________


มีประโยชน์กว่ากัึน


นัสรูดินเข้ามาพูดในโรงน้ำชาว่า

" ดวงจันทร์มีประโยชน์มากกว่าดวงอาทิตย์ "

" เพราะเหตุใดเล่า นัสรูดิน "

" ตอนกลางวันไม่มีดวงอาทิตย์ ก็ยังสว่างอยู่ดี  แต่กลางคืน ถ้าคืนใดไม่มีดวงจันทร์มันมืดมิดไปหมดทุกแห่ง "












                                           ____________________________



เหตุผล

นัสรูดินไปพบเศรษฐีคนหนึ่ง

" ขอเงินหน่อยสิ "

" เอาไปทำไม "

" ข้าอยากจะเอาไป.....เอ้อ....ซื้อช้างสักตัวครับ "

" ถ้าแกไม่มีเงินละก็ อย่าไปเลี้ยงช้างเลยวะ "

" ข้ามาขอเงิน ไม่ใช่ขอคำแนะนำนะ "






                                      ______________________________________

หน้าตาของปีศาจ

นายทุนเงินกู้ผู้หนึ่ง  ทราบข่าวว่า  นัสรูดินทรงความรู้สามารถติดต่อกับคนทั้งโลกนี้และโลกหน้าได้

จึงถามนัสรูดินว่าิ

" ปีศาจหน้าตาเป็นอย่างไรกัน "

นัสรูดินตอบว่า  " แกส่องกระจกดูก็จะรู้เอง "







                                     ______________________________________


Sampan Chanpa




วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

เทคนิคฝึกสมองให้ฉลาดอยู่เสมอ





                                          เทคนิคฝึกสมองให้ฉลาดอยู่เสมอ





สมองคือส่วนสำคัญที่สุดของคนในการคิด ฝึกหัด...กลั่นกรองข้อมูลข่าวสารเรื่องราวต่างๆ ...หากสมองขาดการคิดและการกระตุ้น....ก็ไม่ต่างอะไรกับซอมบี้ ....และหากขาดการใช้งานบ่อยๆ ...เซลล์ต่างๆที่สำคัญที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความสามารถ.... ประสิทธิภาพด้านต่างๆ....ก็จะดูด้อยค่าลงอย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้นคนเราจึงจำเป็นต้องบริหารสมองอยู่เสมอ ...การฝึกสมองมีหลายเทคนิคให้เลือกใช้....แต่จงใช้อย่างมีประสิทธิภาพให้มากที่สุด ....วันนี้จะมาเขียนเรื่องราวของทำอย่างไรให้สมองเราสามารถใช้งานได้ดี.... และมีเทคนิคการฝึกสมองอย่างไรให้เราเป็นคนฉลาดอยู่เสมอ


จิบน้ำบ่อยๆ (Drink water very often)
สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ....ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว...ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ..ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า...กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก... แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ...กินไขมันดี (Enjoy good Omega 3) คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน...ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ.... แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน... จำพวกน้ำมันปลา...สารสกัดใบแปะก๊วยปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม..น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ....ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น





นั่งสมาธิวันละ 12 นาที (Meditation 12 mins a day)
หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที...เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ ผ่อนคลายสุด ๆ...ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน




ใส่ความตั้งใจ (Program the brain: have specific intention)
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม.. เหมือนการโปรแกรมสมองว่า...นี่คือสิ่งที่ต้องเกิดระหว่างวัน...สมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น...ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ....เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริง...กับสิ่งที่คิดขึ้นทั้งสองอย่าง...จึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน




หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ (Laugh and Smile)
ทุกครั้งงที่ยิ้มหรือหัวเราะ..จะมีสารเอ็นโดรฟิน...ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข...หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น...ให้มีความอยากรัก...และหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อย ๆ




                                         

เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน (Learn new thing everyday)
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่...คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น...เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน
ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้... กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และ สร้างสรรค์ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์




ให้อภัยตัวเองทุกวัน (Forgive yourself, reduce brain stress)
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมองการให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

                                           

เขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful journal, good things in life every day)
ฝึก เขียนขอบคุณสิ่งดี ๆที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มี ครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น...เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก...พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา.. ช่วยให้หลับฝันดี... ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย...มีความคิดสร้างสรรค์


                                        


   
ฝึกหายใจลึกๆ (Deep breath)
สมองใช้ออกซิเจน 20 .25% ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย ...การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ..จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง...ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น... ถ้านั่งทำงานนาน ๆ ...อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %...การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่ เรียนรู้ได้....แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน.... ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดีคุณภาพชีวิตก็จะดีตาม


                                          ---------------------------------------------------



                                                                         Sampan Chanpa